วันนี้ (4 มิถุนายน) เวลา 09.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรัฐบาลออกแถลงการณ์การแก้ไขปัญหาชายแดนกัมพูชาโดยยึด 3 กลไก จะสามารถตัดเรื่องการนำไปสู่ศาลโลกได้หรือไม่ ว่า แถลงการณ์ดังกล่าวเป็นการหารือร่วมกัน สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กองทัพบก (ทบ.) กระทรวงการต่างประเทศ
ภูมิธรรมกล่าวว่า สิ่งที่แถลงคือจุดยืนของรัฐบาล โดยอยากให้ประชาชนไปดูและศึกษา ซึ่งในแถลงมีเรื่องของจุดยืนอธิปไตยของประเทศ ยึดมั่นในบูรณภาพเหนือดินแดนไทย รวมถึงสิทธิทางกฎหมายของไทย และแก้ไขปัญหาโดยหลีกเลี่ยงความรุนแรง ซึ่งปัจจุบันนี้รัฐบาลดำเนินการไปตามขั้นตอน และข้อเท็จจริงที่รับรู้ เราไม่ได้ทำตามอารมณ์ หรือความต้องการของใคร แต่ดำเนินการภายใต้การปกป้องของอธิปไตย
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า บางเรื่องเราไม่ได้เอ่ยถึงเพราะเขาพยายามขยายวงไปถึงศาลโลก เราพยายามจะจำกัดวงไม่ให้ไปถึงจุดนั้น เราจะพูดเฉพาะจุดปะทะ และยึด MOU 43 เนื่องจากง่ายในการหาข้อสรุปร่วมกันได้ ขณะนี้สิ่งที่เกิดปัญหาบริเวณสามเหลี่ยมมรกต ต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว เรากลับมาดูตรงนี้
ส่วนพื้นที่อื่นยังไม่มีอะไรรุนแรง เราอย่าไปเล่นเกมตามเขา เพราะจะกลายเป็นประเด็นที่นานาชาติเข้ามาและเรามั่นใจในจุดยืนของกระทรวงกลาโหมและกองทัพ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญของชาติ ซึ่งจะกระทบกับเอกราชและดินแดนของประเทศไทย ไม่อยากให้ขยายวงกว้าง
ปัจจุบันรัฐบาลพยายามจำกัดวงปมความขัดแย้ง เนื่องจากมีเรื่องที่จะต้องไปเจรจาต่อรองรวมถึงเรื่องทางเทคนิค ซึ่งสิ่งที่เราได้พูดคุยกับทางกัมพูชา และนายกฯ ไทยได้คุยกับนายกฯ กัมพูชา ตนก็พูดคุยกับรองนายกฯ กัมพูชา ทุกฝ่ายยอมรับแล้วว่าในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 จะมีการประชุม คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เขตแดนไทย-กัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เราควรจะคิดไปทีละขั้น หากการประชุมในครั้งนี้หาข้อยุติไม่ได้ ก็ต้องดูว่ามีกลไกอะไรอีก
ภูมิธรรมกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลเตรียมการทั้งหมดไว้แล้ว ในการต่อสู้ในแง่ของกฎหมาย การเจรจาร่วมตามกลไกต่างๆ และหากมีความจำเป็นทหารเตรียมการในแนวหน้าไว้หมดแล้ว ไม่อยากให้มีการปลุกปั่นหรือตำหนิกัน ซึ่งวันนี้แกนนำฝ่ายค้านก็มีโทนเสียงที่ดีขึ้น ไม่ใช่พูดตามอารมณ์และเอามัน เพราะเรื่องนี้ผิดพลาดนิดเดียวเสียหายใหญ่หลวง เราอยากได้เสียงสนับสนุนจากประชาชนเหมือนจากที่ประเทศกัมพูชาได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนจากประชาชนของประเทศเขาเอง อยากให้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาไม่ใช่มานั่งตำหนิรัฐบาล
ขณะเดียวกันการปิดด่าน ก็มีกระบวนการขั้นตอนไม่ใช่ปิดไปทั่ว เรามีวิธีที่จะดำเนินการอยู่แล้ว ไม่อยากจะไปพูดว่าเราดำเนินการในขั้นตอนไหนบ้าง เพราะไม่มีประโยชน์ต่อประเทศ อย่าไปอยากรู้มาก เพราะการเปิดเผยมากเกินไปก็จะสร้างความยุ่งยากในการเจรจา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากระแสประชาชนไม่พอใจกับท่าทีของนายกฯ และนายภูมิธรรม ภูมิธรรม กล่าวว่า เราอยากลดความขัดแย้งไม่อยากยกระดับ ไปสู่ปัญหาระดับโลก ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาอีกมากมาย จะเรียกว่าเราใจเย็นก็ได้ เขา กำลังร้อนเราก็เอาน้ำเย็นลูบ หากมองว่าเราไม่แสดงท่าทีก็พูดได้
แต่ในทางปฏิบัติได้เตรียมไว้หมดแล้ว แล้วยืนยันว่ามีความเข้าใจอันดีกับกองทัพ รวมถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ก็ได้คุยกันตลอด ไม่มีอะไรเลยที่เป็นปัญหา วันนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองที่ฝ่ายค้านและรัฐบาลจะมาโต้แย้งกัน เรามีจุดยืนว่าจะเจรจาเรื่องสันติ หาอนาคตจะนำไปสู่ความรุนแรง บรรทัดสุดท้ายเราก็มีความพร้อมหมด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ายุทธศาสตร์ที่รัฐบาลเตรียมไว้ ไม่มีประเด็นเรื่องของการนำไปสู่ศาลโลกใช่หรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่มีมติ ครม. 12 มีนาคม 2567 โดยยืนยันว่ามีหนังสือลงวันที่ 19 มีนาคม 2567 แจ้งให้หน่วยราชการทุกหน่วยทราบและให้ถือเป็นข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ว่าในการทำหนังสือสัญญา ระหว่างประเทศใดๆ ให้ทำข้อกำหนด ไว้ว่า ไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลไอซีเจ (ศาลโลก) ในทุกเรื่อง โดยให้เหตุผลว่าเพื่อมิให้กระทบต่ออำนาจอธิปไตยของชาติ มันชัดเจนอยู่แล้ว
ภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ต้องถามเลยประเด็นนี้ และตนไม่อยากนำเรื่องนี้มาพูดให้มันกระจายไป ในขณะที่ประชาชนก็พยายามทำความเข้าใจ ในโซเชียลมีเดียที่ดูเหมือนจะเป็นเสียงของประชาชน เชื่อว่ามีการทำไอโอขึ้นมา พร้อมทั้งยืนยันว่าในชีวิตนี้ตนไม่เคยเจอกับ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา หลังจากที่เอไอทำรูปสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ลูบหัวตน
ส่วนกระแสข่าวปลดแม่ทัพภาคที่ 2 นั้น ภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ไม่รู้ว่าไปเอาข่าวมาจากไหน นี่คือการปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความระแวงแทงใจ ขอย้ำว่าเรื่องนี้สำคัญและจะกระทบกับเอกราชอธิปไตยถ้าเราเดินไม่ดี เราหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดสงครามเพราะเห็นแก่ประชาชนตามแนวชายแดน รวมถึงทหารที่ดูแลปกป้องอธิปไตย ซึ่งทหารไม่กลัวเพราะพร้อมรบตลอดเวลาอยู่แล้ว ทุกอย่างที่ได้วางไว้มีไทม์ไลน์ไว้ทั้งหมด
“ถ้าจะต่อสู้ทหารของชาติพร้อมอยู่แล้ว วันนี้ทำหน้าที่อย่างดี ยอมรับว่าคนของเราก็มีความอึดอัดในสถานการณ์ดังกล่าว แต่ก็ต้องรู้ด้วยว่าอะไรคือการทำงานเชิงยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาของชาติได้มากที่สุด อยากให้เข้าใจสิ่งนี้และให้อยากช่วยรัฐบาลด้วย ส่วนที่มีการพบระเบิดในชายแดนไทย-กัมพูชานั้น ยังไม่รู้เลยว่าจริงหรือไม่ ยังไม่ได้รับรายงาน โซเชียลรู้ก่อนตนซึ่งขอให้รอทางฝ่ายปฏิบัติ บางครั้งข้อมูลในโซเชียลมีเดียมีทั้งจริงและไม่จริง”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แต่มีข้อมูลชัดเจนว่าทหารกัมพูชาล้ำก็มาในเขตแดนไทย 200 เมตร เป็นที่มาของการเสนอปิดด่าน เพื่อกดดันให้ออกจากจุดนั้นแต่มีการสั่งให้ชะลอการปิดด่านเอาไว้ก่อน ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบกัมพูชาไปแล้ว ภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ด่านต่างๆ ยังไม่ได้ได้รับผลกระทบอะไร และ ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทหารพยายามเสนอปิดด่าน เพื่อไปกดดันให้ทหารกัมพูชาถอนกำลังออกจาก 200 เมตร ภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เรื่องนี้มีกระบวนการอยู่แล้ว ขอให้เราได้ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่าในจุดนั้นทหารกัมพูชาพึ่งล่วงล้ำมา ภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องเอาหลักฐานทางอากาศมาชี้แจงกันซึ่งจะตอบโจทย์ทุกอย่าง อยากให้รอ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่าทางกัมพูชาย้ำออกมาได้มีการได้เปรียบไทยแล้ว ทางทหารจึงได้ขอให้ภูมิธรรมปิดด่านเพื่อกดดัน ภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ใช่ อยากให้ใจเย็น ล้ำหรือไม่ล้ำมันมีแผนที่อ้างสิทธิ์ในพื้นที่นั้นอยู่แล้ว ต่างฝ่ายต่างประกาศอาณาเขต ซึ่งฝ่ายไหนเป็นคนละเมิดกลไกใน MOU 43 จะดำเนินการเอง ซึ่งในแนวหน้ายังไม่ไปสู่จุดที่ปะทะกัน ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ยืนยันกับตน เราอยู่ในจุดที่เขาล้ำเข้ามาในไทยไม่ได้เด็ดขาด แต่จุดที่เป็นปัญหาอยู่เป็นจุดที่อยู่ในจุดที่อ้างสิทธิ์กัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเจ้าหน้าที่ทหารแจ้งว่าอย่างไรในเรื่องของการติดตาม ภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เขาไม่ได้แจ้งว่าจะขอปิดด่าน เค้าแจ้งว่าหากถึงจุดหนึ่งก็จะขอปิดด่าน ซึ่งตนก็บอกว่าปิดได้อยู่แล้ว แต่มองว่าในขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่จะไปถึงจุดนั้น ซึ่งเราก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะปิดด่าน ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์แต่ละวัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่ากัมพูชาล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย 200 เมตรนั้น ภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้ไปดูในเวที JBC
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกระแสข่าว พล.อ. เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้โทรศัพท์มาหาเพื่อให้ปิดด่าน ภูมิธรรม กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “อันนี้เลอะเทอะ” แต่ยอมรับว่าได้โทรคุยกันจริง แต่ไม่ได้คุยกันมาก คุยเฉพาะบางส่วนที่เกี่ยวข้อง ในฐานะผู้นำระดับสูงของกัมพูชา คือประเด็นสำคัญคือการอยากให้ใช้กลไก JBC และไม่ให้เกิดความรุนแรง อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายแยกออกจากกัน เรายังไม่เคยพูดเรื่องปิดด่านเลย และมีการต่อรองให้มีการจัดประชุม JBC ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีกระแสปลุกปั่นให้เกิดการรัฐประหารนั้น ภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไรเป็นความเห็นของแต่ละคน แต่เชื่อว่ารัฐบาล ทหาร กองทัพคุยกันดีอยู่แล้ว
ส่วนความคืบหน้าเรือดำน้ำกับเรื่องเครื่องบินกริพเพนจะเข้าที่ประชุม ครม. หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ยังไม่เข้า ส่วนที่กองทัพอากาศเตรียมแถลงเครื่องบินรบฝูงใหม่เป็นเครื่องบินกริพเพนนั้น กองทัพอากาศสามารถดำเนินการได้ แต่อย่างไรก็ต้องรอสัญญาณจากรัฐบาล จะแถลงอย่างไรก็ได้ แต่ถ้ายังไม่นำเข้า ครม. ก็ยังไม่มีผลอะไร