วันนี้ (21 พฤษภาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์การปนเปื้อนโลหะหนักในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง พื้นที่จังหวัดเชียงรายว่า เรื่องดังกล่าวได้นำเข้าสู่ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) และได้สั่งการตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เกี่ยวกับการพบสารพิษตกค้างในแม่น้ำ โดยมีสาเหตุจากเหมืองแร่ที่บริเวณต้นน้ำ ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของประเทศเมียนมา
เรื่องนี้ได้เร่งให้มีการตรวจสอบ โดยได้แต่งตั้งให้กรมควบคุมมลพิษเป็นประธานร่วมกับกรมอนามัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า สารที่ทะลักเข้ามาเป็นอันตรายและเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ โดยเท่าที่ตรวจสอบแม่น้ำฝั่งไทยพบสารเกินค่ามาตรฐานในหลายจุด แต่ไม่ได้เป็นอันตรายในระยะสั้น
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ส่วนความกังวลว่าจะส่งผลอันตรายในระยะยาวขณะนี้รัฐบาลใช้วิธีการควบคุมในหลายวิธี เช่น การควบคุมกิจการชายแดน ที่ได้ไปเจรจากับประเทศเมียนมา แต่จากการพูดคุยและหารือกันแล้วพบว่า อาจจะไม่ใช่พื้นที่ในการควบคุมของรัฐบาลเมียนมาโดยตรง คาดว่าจะเป็นพื้นที่ของชนกลุ่มน้อย ทำให้การเจรจาค่อนข้างยาก
ดังนั้นเราต้องหาทางป้องกัน และประสานกรมอนามัยเพื่อดูภาพรวม เนื่องจากแม่น้ำที่มีปัญหาเป็นแม่น้ำที่กว้าง โดยให้มีการบินสำรวจดู เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำออกแบบก่อสร้างเขื่อนที่มีคุณสมบัติกรองสารเคมี และดูดตะกอนที่ตกค้างแก้ปัญหาในระยะยาว โดยให้เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เพื่อเป็นการป้องกัน เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่าการเจรจาจะเป็นอย่างไร อีกทั้งสาเหตุไม่ได้เกิดในดินแดนของไทย ดังนั้นการป้องกันเพื่อเตรียมการจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ภูมิธรรมกล่าวว่า อยากให้พี่น้องประชาชนมั่นใจเวลานี้ยังไม่ถึงขั้นที่เป็นอันตราย ซึ่งประชาชนในพื้นที่ถือเป็นประชาชนของประเทศไทยเป็นทรัพยากรสำคัญ รัฐบาลจะไม่ปล่อยให้ประชาชนเผชิญกับภัยเช่นนี้ได้ ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ในการปกป้องและพยายามทำเต็มที่