วันนี้ (13 สิงหาคม)ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาชี้แจงประเด็นวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่าง
ภูมิธรรมยืนยันว่า ตนไม่ได้เข้าข้างกัมพูชาตามที่มีการกล่าวหา โดยได้ชี้แจงประเด็นที่ระเบิดตกลงในโรงพยาบาลว่า การยิงของกัมพูชาเป็นการใช้อาวุธประเภท BM-21 ซึ่งเป็นการยิงแบบกระจาย ไม่ได้เจาะจงเป้าหมายทางทหารเหมือนที่ไทยใช้ ดังนั้นการนำไปบิดเบือนว่าตนเข้าข้างกัมพูชา จึงเป็นการสร้างความแตกแยกและความไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ภูมิธรรมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดและได้รับบาดเจ็บ พร้อมยืนยันว่า ทหารมีสิทธิ์ป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งอนุสัญญาออตตาวาห้ามการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ทางรัฐบาลจึงได้หารือกับกระทรวงการต่างประเทศและเตรียมยื่นเรื่องต่อสหประชาชาติ เพื่อให้ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรี (เศรษฐา ทวีสิน) แนะนำให้ยื่นเรื่องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศว่า รัฐบาลได้ดำเนินการเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานกับหน่วยงานต่างประเทศแล้ว พร้อมยอมรับว่าการชี้แจงเรื่องนี้อาจล่าช้าและยังไม่ดังพอในเวทีนานาชาติ
ภูมิธรรมกล่าวอย่างชัดเจนว่า จะดำเนินคดีกับผู้ที่ออกมาวิจารณ์และบิดเบือนข้อเท็จจริงทั้งหมด รวมถึงนักวิชาการที่กล่าวให้ตนลองตัดขา เพื่อจะได้เข้าใจความรู้สึกของทหาร โดยเปรียบเทียบกับกรณีที่เคยถูกสนธิ ลิ้มทองกุล โจมตีจนแพ้คดีในชั้นศาลฎีกามาแล้ว
นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนให้ช่วยสื่อสารข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน ไม่บิดเบือนหรือตัดตอน เพราะการนำเสนอข่าวที่ไม่ถูกต้องจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและเกิดความแตกแยก
ในประเด็นที่เพจกองทัพภาคที่ 2 โพสต์ขอรับบริจาครั้วลวดหนามหีบเพลง ภูมิธรรมชี้แจงว่า รัฐบาลไม่เคยขัดขวางการจัดสรรงบประมาณให้กับกองทัพ และได้อนุมัติงบกลางให้ทุกครั้งที่ขอไป พร้อมทั้งระบุว่าจะโทรศัพท์พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้ และยืนยันว่าหากขาดเหลือสิ่งใดให้แจ้งรัฐบาลได้ทันที ไม่จำเป็นต้องขอรับบริจาคจากประชาชน ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ารัฐบาลละเลยการดูแลทหาร
