วันนี้ (4 สิงหาคม) ที่กระทรวงมหาดไทย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพบโดรนบินรุกล้ำแนวชายแดนประเทศไทยหลังจากออกประกาศห้ามบินโดรนทั่วประเทศ แต่ยังพบการฝ่าฝืนนั้นว่า ก็เหมือนที่เราประกาศว่าห้ามมีโจร-ผู้ร้าย แต่โจรผู้ร้ายก็ยังทำอยู่ เราก็มีหน้าที่ติดตามจับกุม และตนเองสั่งการไปยัง พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ว่าให้ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหมด 10 จังหวัด ซึ่งก็ว่ากันไป และเป็นเรื่องของพื้นที่ ส่วนอำนาจในการจัดการดำเนินการก็มีหลายภาคส่วน
ส่วนการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ภูมิธรรมกล่าวว่า เท่าที่รับฟังและตรวจสอบ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเขาบอกว่า “ทำแล้ว” แต่ขณะที่ สส. พรรคภูมิใจไทยออกมาระบุว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดยังไม่สามารถเบิกงบเยียวยาได้ จึงทำให้ ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โทรศัพท์หาผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีในทันที ซึ่งผู้ว่าฯ แจ้งว่าจ่ายหมดแล้ว ดังนั้นเรื่องข้อมูลตนเองมองว่า “ต้องฟังหูไว้หู เพราะเท่าที่ฟัง ณ ขณะนี้ ผู้ว่าฯ จ่ายเยียวยาหมดแล้ว แต่หากมีข้อมูลยืนยันว่าผู้ว่าฯ ไม่ทำก็ต้องรับผิดชอบ
ส่วนจะขอดูเรื่องงบประมาณที่เบิกจ่ายจริงหรือไม่ เนื่องจากมีการกล่าวว่าถึงเวลาแล้วไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ภูมิธรรมย้ำว่า ถ้าทำไม่ได้ก็ให้คนอื่นมาทำแทนก็เท่านั้น
ก่อนที่ภูมิธรรมจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ในทันที ผู้สื่อข่าวพยายามถามกรณีการประชุมหารือ GBC (คณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา General Border Committee: GBC) ระหว่างไทยกัมพูชาจะได้ข้อยุติหรือไม่ เพราะมีประชาชนบางจังหวัดอพยพออกจากบ้านเรือนเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ภูมิธรรมไม่ตอบคำถาม
ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามย้ำถึงกรณีการเยียวยาให้กับประชาชนที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ภูมิธรรมกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้มีการพิจารณาขยายเงินเยียวยาเพิ่มเติมแล้ว หลังได้ข้อตกลงจากทางคณะกรรมการพิจารณาให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับเงินเยียวยา 1 ล้านบาท แต่พรุ่งนี้ (5 สิงหาคม) จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อหารือเรื่องจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นเท่าใดนั้นยังไม่ขอเปิดเผย ขอให้รอฟังผลมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (5 สิงหาคม) ส่วนกระแสข่าวที่จะอนุมัติวงเงินรายละ 8-10 ล้านบาทนั้น ภูมิธรรมย้ำคำเดิมว่า ขอให้รอมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จะอนุมัติเท่าใดนั้นตนยังไม่ทราบ