วันนี้ (18 มิถุนายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน มีมติเห็นชอบเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนในแต่ละจังหวัด เดือนกรกฎาคม 2564 จำนวน 10 ล้านโดส เป้าหมายจัดสรรวัคซีนระบบหมอพร้อม (ผู้สูงอายุ/ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง)
กลุ่มที่สอง กรุงเทพมหานคร (กทม.) อย่างน้อย 5 ล้านโดส ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 และกลุ่มที่สาม ภูเก็ตได้รับวัคซีนเข็ม 2 อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือนกรกฎาคม 2564
โดยมีเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนในแต่ละจังหวัดดังนี้
1. จังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดในระดับควบคุมสูงสุด เข้มงวด และจังหวัดเศรษฐกิจท่องเที่ยว 5 จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 30 ได้แก่ กทม. (รวมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และประกันสังคม) 2.5 ล้านโดส นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ 6 แสนโดส ภูเก็ต 2 แสนโดส
2. จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือมีความเร่งด่วนในการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ภายหลังการระบาด จำนวน 23 จังหวัด (เฉลี่ยจังหวัดละ 1 แสนโดส) จำนวน 2.5 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 25 ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ตาก หนองคาย สระแก้ว ระนอง นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา ตรัง ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี บุรีรัมย์ สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) พังงา และกระบี่
3. จังหวัดที่เหลือของประเทศไทย 49 จังหวัด (เฉลี่ยจังหวัดละ 7 หมื่นโดส) จำนวน 3.5 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 35
4. อื่นๆ ได้แก่ หน่วยฉีดส่วนกลาง องค์กรภาครัฐ และสำรองส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาด 1 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 10
ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแผนการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 เพิ่ม โดยเสนอเพิ่มกรอบการจัดหาวัคซีน จากเดิม 100 ล้านโดส ภายในปี 2564 เป็น 150 ล้านโดส ภายในปี 2565
ขณะประเทศไทยมีการจัดหาหรือดำเนินการเจรจาจองวัคซีนแล้ว 105.5 ล้านโดส (AstraZeneca 61 ล้านโดส Sinovac 19.5 ล้านโดส Pfizer 20 ล้านโดส Johnson & Johnson 5 ล้านโดส)
ดังนั้นประเทศไทยต้องเตรียมงบประมาณการจัดหาจัดซื้อวัคซีนเพิ่มเติมให้ครบ 150 ล้านโดส โดยภาครัฐ ได้แก่ Sinovac 28 ล้านโดส และวัคซีนอื่นๆ 22 ล้านโดส
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบหลักการเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า)
สำหรับหลักเกณฑ์การเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยว
1. เป็นกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำและปานกลาง กรณีมาจากประเทศอื่นต้องอยู่ในประเทศที่กำหนดอย่างน้อย 21 วัน
2. การได้รับวัคซีนตามที่กำหนดของประเทศไทยครบกำหนด 2 เข็ม (ตามประเภทของวัคซีน) อย่างน้อย 14 วัน และมีเอกสารรับรองการได้รับวัคซีน (Vaccine Certificate) ตามกำหนด หรือผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่กำหนดไว้คือ AstraZeneca, Sinovac, Johnson & Johnson, Sinopharm, Moderna กรณีเด็กมากับผู้รับวัคซีน ให้เดินทางพร้อมผู้ปกครองได้
3. กรณีเคยติดเชื้อ ต้องได้รับวัคซีนตามกำหนดสองเข็ม (ตามประเภทของวัคซีน) อย่างน้อย 14 วัน
4. มีผลการตรวจโควิด-19 เป็นลบ (COVID Free) ภายใน 72 ชั่วโมง เมื่อเดินทางมาถึง ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันหมอชนะ และเดินทางเข้าที่พักด้วยพาหนะที่กำหนด เข้ารับการตรวจหาเชื้อ ณ โรงพยาบาลที่พักหรือจุดตรวจ ไม่พบเชื้อสามารถออกเดินทางท่องเที่ยวในภูเก็ตได้ กรณีเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า สามารถออกนอกห้องพักและใช้บริการบริเวณที่พักได้ระหว่างพำนักในภูเก็ตอย่างน้อย 14 คืน จึงสามารถเดินทางออกไปยังจังหวัดอื่นได้ กรณีอยู่น้อยกว่า 14 คืน ต้องเป็นการกลับประเทศต้นทางเท่านั้น
กรณีเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า วันที่ 1-3 สามารถออกนอกห้องพักและใช้บริการในบริเวณที่พักได้ วันที่ 4-7 สามารถเดินทางท่องเที่ยวในระบบติดตามที่กำหนดในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย วันที่ 8-14 สามารถเดินทางท่องเที่ยวหมู่เกาะทะเลใต้ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ไม่ต้องกักตัวแบบมีเงื่อนไข ทั้งนี้ต้องมีการตรวจหาโควิด-19 (RT-PCR) อีก 2 ครั้งในวันที่ 6-7 และ 12-13
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้
1. ภูเก็ตจัดตั้ง (ศูนย์บริหารจัดการ) คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมการเปิดเมือง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ องค์ประกอบเป็นผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า มีระบบกำกับควบคุมในที่พัก (Covid Manager อาสาสมัครสาธารณสุขประจำโรงแรม) กำกับควบคุม มีระบบกำกับควบคุมในการเดินทาง Sealed Route โดยที่พักและบริษัทนำเที่ยวจัดระบบควบคุมคัดกรองด่านเข้า-ออกทางอากาศและทางเรือทั้ง 3 เกาะ และเชื่อมโยงเครือข่ายเพื่อตรวจสอบ
2. การเตรียมความพร้อมประชาชน โดยจัดเวทีเพื่อแสดงความคิดเห็นของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีแผนการสื่อสารทั้งออนไลน์และออฟไลน์
3. การเตรียมความพร้อมมาตรการการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค ภูเก็ตใช้ระบบ EOC และ อสม. รายตำบล แอปพลิเคชันหมอชนะ (ภาษาอังกฤษ)
เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า มีคณะทำงานคัดกรองและเฝ้าระวัง สถานประกอบการมีใบรับรองแสดงภูมิคุ้มกันหมู่ ผู้ให้บริการที่ต้องสัมผัสตรงกับนักท่องเที่ยวจะต้องใส่ชุดป้องกันและรับการฉีดวัคซีนครบโดส
อย่างไรก็ตาม การจัดทำแผนรับมือและแผนชะลอหรือยกเลิกโครงการในส่วนภูเก็ต คือ
1. จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 90รายต่อสัปดาห์
2. ลักษณะการกระจายโรคในจังหวัดทั้ง 3 อำเภอ และมากกว่า 6 ตำบล
3. เกิดการระบาดเกิน 3 คลัสเตอร์ หรือมีการระบาดในวงกว้าง หาสาเหตุหรือความเชื่อมโยงไม่ได้
4. ความพร้อมในการรองรับผู้ป่วย มีผู้ติดเชื้อครองเตียงตั้งแต่ร้อยละ 80 ของศักยภาพ
5. มีการพบการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ในวงกว้าง ควบคุมไม่ได้
โดยมีมาตรการปรับเปลี่ยน 4 ระดับดังนี้ 1. ปรับลดกิจกรรม 2. Sealed Route 3. Hotel Quarantine และ 4. ทบทวนยุติ Phuket Sandbox เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า หากเกิดการระบาดจนเกินศักยภาพในการรองรับของโรงพยาบาลสมุยจะดำเนินตามแผนบริหารความเสี่ยงที่วางไว้
ทั้งนี้เป็นการเริ่มต้นของภูเก็ตเท่านั้น ระยะต่อไปคือเกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย โดย พล.อ. ประยุทธ์ จะติดตามในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เพื่อคิกออฟการเปิด Phuket Sandbox
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า