วันนี้ (29 ธันวาคม) ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ สนธิญา สวัสดี ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ให้ดำเนินการตรวจสอบการที่ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร เดินทางไปพบ ทักษิณ ชินวัตร ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยกล่าวหาว่าการกระทำของแพทองธารซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดมาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 28 และมาตรา 29 อันมีโทษถึงขั้นยุบพรรคตามมาตรา 92 (3) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
ธีรรัตน์กล่าวว่า วานนี้ (28 ธันวาคม) พรรคเพื่อไทยจึงได้ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต. เพื่อขอให้สืบสวน ไต่สวน และดำเนินคดีกับสนธิญา ว่ากระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 หรือไม่
เพราะการยื่นหนังสือดังกล่าวต่อ กกต. ของสนธิญา ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าแพทองธาร เป็นบุตรของทักษิณ ซึ่งตามปกติวิสัย แพทองธารย่อมสามารถเดินทางไปพบทักษิณ ที่ไหน เมื่อใด ก็ย่อมเป็นสิทธิเสรีภาพของแพทองธาร และไม่มีข้อเท็จจริงใดที่จะชี้ให้เห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย อีกทั้งก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับพรรคเพื่อไทยแม้แต่น้อย
แต่สนธิญากลับนำข้อเท็จจริงดังกล่าวมากล่าวหาเพื่อขอให้ กกต. ดำเนินการตรวจสอบและวินิจฉัยเพื่อมีมติให้ยุบพรรคเพื่อไทย แสดงให้เห็นว่าสนธิญา ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย มีเจตนาที่จะแจ้งหรือกล่าวหาพรรคเพื่อไทยว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ทั้งที่รู้ว่าอยู่ว่าเป็นความเท็จ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต อันเป็นการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 101 แห่ง พ.ร.ป. ข้างต้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวย่อมทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหาย
พรรคเพื่อไทยจึงได้ยื่นเรื่องต่อ กกต. เพื่อดำเนินการสืบสวน ไต่สวน และดำเนินคดีกับสนธิญาตามอำนาจหน้าที่ เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างมิให้บุคคลใดใช้กฎหมาย และ กกต. เป็นเครื่องมือในการทำลายพรรคการเมืองอื่น ยื่นคำร้องโดยปราศจากข้อเท็จจริง และไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ถ่องแท้ก่อน
ธีรรัตน์กล่าวอีกว่า นับตั้งแต่ที่พรรคเพื่อไทยประกาศเป้าหมายชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์เพื่อจัดตั้งรัฐบาล นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. จังหวัดน่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศเป้าหมายเพื่อไทยต้องได้ ส.ส. มากกว่า 250 ที่นั่ง มากกว่าเสียงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อให้สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ มีการจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย โดยแพทองธารหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งได้เปิดวิสัยทัศน์ 10 ด้านในการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2565
รวมทั้งผลโพลจากนิด้าโพล และอีกหลายสำนักได้โหวตให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้เป็นรัฐบาลมากที่สุด และอยากให้แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะยังไม่ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยก็ตาม ผลตอบรับที่ดีในหลายด้านได้ส่งผลกระเพื่อมให้ผู้มีอำนาจกลัวว่าเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งหรือไม่ จึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะใส่ร้ายกันในทางการเมืองด้วยวิธีการที่ไม่สง่างาม แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้พรรคเพื่อไทยหวั่นไหว เราจะเดินหน้าทำงานอย่างหนักเพื่อไปสู่เป้าหมาย คืนอำนาจไปสู่ประชาชนในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เพราะรัฐบาลเพื่อไทยคือความหวังของพี่น้องประชาชน
“การกระทำของสนธิญา เป็นการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ หากนายสนธิญาอยากทำการเมืองก็ควรไปเป็นสมาชิกพรรคการเมือง คิดค้นนโยบายกับพรรคการเมือง เพื่อนำพาประชาชนไปสู่ความสุขจะดีกว่า” ธีรรัตน์กล่าว
ด้าน สมคิด เชื้อคง ส.ส. จังหวัดอุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วงหลังสังเกตว่ามีกลุ่มนักร้องเริ่มร้องเรียนหน่วยงานรัฐบ่อยขึ้น แต่ร้องแล้วไม่มีประโยชน์กับประชาชน ส่วนตัวมองว่าหลายคนที่เป็นนักร้องการเมือง ไม่รู้ว่ารับงานมาหรือไม่ ร้องเสร็จแล้ววางบิลหรือไม่ ยิ่งในช่วงหลังนักร้องทั้งหลายเป็นคนที่อยู่ตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย ใกล้ชิดผู้มีอำนาจ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ไม่มีเหตุผล แต่ร้องแล้วมีชีวิตที่อยู่สุขสบาย จึงขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนร่วมกันตรวจสอบนักร้องเหล่านี้ด้วย พรรคเพื่อไทยเองไม่ต้องการหาเรื่องใคร แต่เมื่อถึงเวลาเกิดการกลั่นแกล้งทางการเมือง ก็ต้องปกป้องพรรค ปกป้องสมาชิกพรรค เพราะเมื่อเกิดความเข้าใจผิดขึ้น พรรคการเมืองมีหน้าที่อธิบาย พรรคการเมืองอื่นก็ควรทำแบบนั้น
“พ่อลูกไปพบกันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา มีคนที่รัก มีคนในครอบครัวที่ต้องดูแล ที่จริงเรื่องที่นายสนธิญาร้อง กกต. ความจริงเรารำคาญ แต่เราก็ต้องมาบอกต่อสื่อมวลชน พี่น้องประชาชนเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง” สมคิดกล่าว
ด้าน จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. จังหวัดเชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่อยากดำเนินการใดๆ ในเรื่องเหล่านี้ เพราะเป็นเรื่องหยุมหยิม แต่สิ่งที่สนธิญาทำคือพฤติกรรมเลียนแบบ โดยเฉพาะในระยะหลัง คณะนักร้องหน่วยงานรัฐมักจะใช้คำว่า ‘ขอให้ช่วยตรวจสอบว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่’ เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ร้องเรียนไม่มีมูล ไม่มีเหตุ ไม่ใช่การร้องเรียนเพราะมีการกระทำผิดโดยตรง
ทั้งนี้ ตนได้สังเกตจากการปรับคณะรัฐมนตรีโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คนที่ พล.อ. ประยุทธ์แต่งตั้ง เป็นการให้รางวัลกับบุคคลที่กระทำการในลักษณะนี้มาโดยตลอดหรือไม่ คนที่เสียงดัง อาละวาด โวยวาย พยายามใส่ร้ายพรรคฝ่ายค้าน แม้พรรคเพื่อไทยพยายามใช้เหตุและผลชี้แจงมาโดยตลอด แต่สุดท้าย พล.อ. ประยุทธ์กลับให้รางวัลกับคนเหล่านี้
“เราทราบดีว่าขณะนี้อยู่ในช่วง 180 วันเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง แต่สิ่งที่สนธิญาทำนั้นขัดต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 101 อย่างชัดเจน หน่วยงานที่ถือกฎหมายฉบับนี้คือ กกต. พรรคเพื่อไทยจึงส่งตัวแทนไปร้องบุคคลคนนี้ เราจะรอฟังผลกับ กกต. อย่างใกล้ชิด เราไม่อยากเห็นการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ต่อไป หากจะทำงานการเมืองควรมองที่นโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมาพูดคุยกันดีกว่า” จุลพันธ์กล่าว