วันนี้ (26 เมษายน) พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เขตบึงกุ่ม-คันนายาว พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวจะมีการปรับสูตรในโครงการ ‘คนละครึ่ง เฟส 5’ จากเดิมรัฐสนับสนุน 50% ประชาชนจ่าย 50% เป็นรัฐสนับสนุน 25% และประชาชนจ่ายเงิน 75% ว่า ในช่วงวิกฤตที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าโครงการคนละครึ่งสามารถบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีพอสมควร แต่การที่รัฐบาลจะปรับเปลี่ยนสูตรการช่วยเหลือ โดยรัฐจ่ายเพียง 25% แบบนี้ไม่น่าจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์และชื่อโครงการ อีกทั้งการจะสานต่อนโยบายควรทำให้เหมือนเดิมหรือดีขึ้นกว่าเดิม เช่น รัฐสนับสนุน 75% น่าจะดีกว่า ถือเป็นการช่วยประชาชนมากขึ้นในภาวะยากลำบาก ข้าวของเครื่องใช้ สินค้าอุปโภคบริโภคปรับขึ้นราคาต่อเนื่อง โดยเฉพาะเดือนหน้ามีแนวโน้มจะปรับราคาขึ้นสูงอีก เพราะรัฐไม่อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลแล้ว ดังนั้นขอให้ทบทวน
พลภูมิกล่าวอีกว่า น่าเห็นใจประชาชนที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจและโรคระบาดอย่างโควิด ประกอบกับมีรายจ่ายเพิ่มเติมอย่างค่า ATK เดือนเดือนหนึ่งรายได้ก็แทบจะไม่พอรายจ่าย คนมีเงินเดือนว่าลำบากแล้ว แต่คนรากหญ้าจะเอาเงินจากตรงไหนไปประทังชีวิต
“รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ล้มเหลวในการบริหารประเทศ ไม่ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงจัง ใช้งบประมาณของรัฐหมดไปกับโครงการที่ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นหากปล่อยให้บริหารประเทศต่อไป พี่น้องประชาชนคงลำบากและคงไม่ทนกับความล้มเหลวของรัฐบาล ทางที่ดีควรรีบยุบสภา เปิดโอกาสให้คนที่มีฝีมือเข้ามาบริหารประเทศจะดีกว่า” พลภูมิกล่าว