วันนี้ (17 ตุลาคม) พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือตัวประกันแรงงานไทยในอิสราเอลว่า ตอนนี้สถานทูตไทยในอิสราเอลและกระทรวงแรงงานก็รับแรงงานไทยเข้ามาอยู่ในกรุงเทลอาวีฟ ซึ่งในแต่ละวันมี 2-3 เที่ยวบิน สามารถรับคนได้ 200-300 คน และขณะนี้กำลังระดมเจ้าหน้าที่ไปอยู่ในเมืองเทลอาวีฟเรียบร้อยแล้ว คาดว่าการเคลื่อนย้ายคนงานจะเร็วและดีขึ้น
พิพัฒน์ยังเปิดเผยอีกว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่าจะนำคนที่ลงทะเบียนเดินทางกลับไทยจำนวน 7,500 คน กลับไทยภายในสิ้นเดือนนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเครื่องบินในการลำเลียงว่าจะมีมากพอหรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีการบินไทย 1 ลำ กองทัพอากาศ 1 ลำ แอร์เอเชีย 2 ลำ นกแอร์ 2 ลำ ดังนั้นแม้จะกลับมาไม่หมดภายในสิ้นเดือนแต่คงจะใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมกับต้องดูสถานการณ์ต่อไปว่าสงครามนี้จะเลิกหรือเบาบางลงหรือไม่ หรือจะคืบหน้ามาถึงตอนกลางและตอนเหนือของอิสราเอลหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็ต้องเร่งขนคนงานที่มีความประสงค์จะกลับไทยกลับมาทั้งหมด
ล่าสุด มีผู้ลงทะเบียนประมาณ 7,500 คน ขณะนี้สามารถนำกลับมาได้แล้วประมาณ 500 คน ส่วนการนำร่างแรงงานไทยที่เสียชีวิตกลับมานั้น ขณะนี้คงทำอะไรไม่ได้ เพราะอยู่ที่รัฐบาลอิสราเอลซึ่งอยู่ระหว่างการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลว่าเป็นประชาชนชาติใดบ้าง แต่เมื่อมีการพิสูจน์อัตลักษณ์เรียบร้อยแล้วจะลำเลียงร่างกลับมา เชื่อว่าอีกไม่เกิน 1 สัปดาห์จะมีการลำเลียงบางส่วนที่พิสูจน์อัตลักษณ์เรียบร้อยแล้วกลับมาได้
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่ายังมีนายจ้างบางส่วนกักตัวแรงงานไว้นั้น พิพัฒน์ระบุว่าเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีสั่งการไปแล้วว่าขอความกรุณาจากนายจ้างอิสราเอลที่ขณะนี้ไม่ควรให้คนงานต้องทำงานเพราะอยู่ในภาวะที่ไม่สงบ พร้อมย้ำว่านายกฯ ได้สั่งการไปแล้ว แต่อยู่ที่เอกอัครราชทูตในการประสานกับรัฐบาลอิสราเอล
ขณะนี้จำนวนแรงงานที่ถูกจับเป็นตัวประกันมี 18 คน แต่ยังไม่ได้ข่าวคราว แต่เชื่อว่าการที่นายกเดินทางไปประเทศจีนจะมีการเจรจาผ่านหลายประเทศ รวมถึงการเดินทางต่อไปยังซาอุดีอาระเบีย คาดว่าจะมีการหารือช่วยเหลือตัวประกันผ่านประเทศที่ 3 และ 4 ด้วย เชื่อว่าประเทศไหนที่จะช่วยเราได้นายกฯ จะเจรจาทั้งหมด