วิกฤตข้าวในฟิลิปปินส์ราคาพุ่ง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในประเทศแตะ 4.2% ฟากบรรดาผู้ค้าข้าวเร่งกักตุนอย่างหนัก และอาจดันเงินเฟ้อด้านอาหารทั่วโลกทะยานขึ้นตาม
Bloomberg รายงานว่า ราคาข้าวที่พุ่งขึ้นในฟิลิปปินส์อาจเป็นสัญญาณเตือนให้ประเทศผู้นำเข้าหลักรายอื่นๆ เตรียมตั้งรับอย่างหนัก โดยเฉพาะประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้ออาหารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบ 5 ปี สร้างแรงกดดันให้ภาครัฐต้องเร่งหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
“แรงกดดันของราคาข้าวรุนแรงจนน่าตกใจ เพราะหลังจากอินเดียได้ประกาศงดส่งออกข้าวบางชนิดเพื่อรองรับความต้องการในประเทศ ขณะเดียวกันในหลายๆ ประเทศก็เริ่มพยายามควบคุมต้นทุนข้าวที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน” เชอร์ลีย์ มุสตาฟา นักเศรษฐศาสตร์จากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กล่าว
ถึงกระนั้นนโยบายเรื่องวิกฤตราคาข้าวยังได้อยู่ในวาระการประชุมของรัฐบาลหลายๆ ประเทศ โดยเมื่อไม่นานมานี้ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และ ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีประเทศเวียดนาม ได้ประชุมหาทางออกร่วมกัน
รวมถึงประเทศอินโดนีเซียได้ลงนามในข้อตกลงการส่งออกและจัดหาข้าวกับประเทศกัมพูชาเป็นครั้งแรก ซึ่งข้อตกลงระบุไว้ว่า อินโดนีเซียจะซื้อข้าวจากกัมพูชามากถึง 250,000 ตันต่อปี ถือว่ามากกว่า 2 เท่า ถ้าเทียบจากปี 2012
ขณะที่ประเทศมาเลเซียก็เริ่มตรวจสอบผู้ค้าข้าวและโรงสีเอกชน เพื่อควบคุมและบันทึกปริมาณข้าว ป้องกันการเก็บตุนข้าวไว้เก็งกำไร
ทั้งนี้ ดัชนีราคาข้าวขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 2.8% ถ้าเทียบจากเดือนก่อนหน้านี้ มุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี เนื่องจากราคาข้าวในประเทศที่ส่งออกข้าวรายใหญ่มีราคาสูงขึ้น ประกอบกับประเทศอินเดียที่จำกัดการส่งออกข้าวบางชนิด เพราะรัฐบาลต้องการสกัดราคาอาหารที่กำลังพุ่งสูงขึ้นภายในประเทศ รวมถึงต้องการสร้างหลักประกันด้วยว่าจะมีข้าวที่ราคาเหมาะสมเพียงพอต่อความต้องการกับจำนวนประชากรในประเทศ
อ้างอิง: