เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ได้อนุมัติการขยายเวลามาตรการลดภาษีนำเข้าข้าวและอาหารอื่นๆ ไปจนถึงสิ้นปีหน้า (ปี 2024) หวังรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ท่ามกลางความเสี่ยงภัยแล้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้ นโยบายลดภาษีดังกล่าวถูกใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2021 และได้ต่ออายุในปีนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น
ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวในแถลงการณ์ว่า “สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นตัวบ่งชี้ว่าจำเป็นต้องมีการลดภาษีนำเข้าสำหรับข้าว ข้าวโพด และเนื้อหมู อย่างต่อเนื่อง เพื่อคงราคาที่เหมาะสมในการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร”
นอกจากนี้ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ยังกล่าวอีกว่า การขยายเวลาของนโยบายดังกล่าวนั้นส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบของปรากฏการณ์สภาพอากาศแห้ง ‘เอลนีโญ’ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในต้นปีหน้า และภัยคุกคามโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร
สำหรับภาษีนำเข้าข้าวจะยังคงอยู่ที่ระดับเดิมคือ 35% ขณะที่ภาษีนำเข้าข้าวโพดจะอยู่ที่ 5-15% และ 15 -25% สำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อหมู
ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์เดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 4.1% ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 อย่างไรก็ดี ค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายนอยู่ที่ 6.2% ซึ่งอยู่นอกกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางฟิลิปปินส์ที่ 2-4% สำหรับปีนี้
ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ดัชนีราคาข้าวเกณฑ์มาตรฐานของเอเชียแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี เนื่องมาจากผลกระทบของเอลนีโญทำให้อุปทานข้าวตึงตัว ท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดภาวะเงินเฟ้ออาหาร (Food Inflation) ในประเทศที่บริโภคข้าวเป็นหลัก
อ้างอิง: