การแข่งขันซูเปอร์โบว์ลครั้งที่ 52 เป็นการพบกันระหว่าง นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ แชมป์เก่า และแชมป์ 5 สมัยลงสนามในชุดสีขาวพบกับ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ที่ สนามยูเอส แบงก์ สเตเดียม รัฐมินเนโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลการแข่งขันปรากฏว่า
ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ เอาชนะนิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ไป 41-33 คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลครั้งแรกได้สำเร็จ ในเกมที่ทีมรุกของแต่ละทีมสร้างสรรค์เกมบุกอย่างสนุกสนาน ส่งผลให้พวกเขาล้างตาซูเปอร์โบว์ลครั้งที่ 39 เมื่อปี 2005 ที่พวกเขาพ่ายให้กับนิวอิงแลนด์ไป 21-24 ได้สำเร็จ รวมถึง นิค โฟลส์ ควอเตอร์แบ็กของอีเกิลส์ กลายเป็นควอเตอร์แบ็กที่ได้ลงเป็นตัวจริงน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ซึ่งได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเพียงแค่ 3 เกม และคว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลได้สำเร็จ
เกมนี้เริ่มต้นควอเตอร์แรก ทั้งสองทีมผลัดกันบุกคนละครั้ง และได้แต้มจากการเตะคนละ 3 คะแนน ซึ่งนิวอิงแลนด์ในยุคของทอม เบรดี และบิลล์ เบลิชิก ที่สร้างสถิติได้แต้มในควอเตอร์แรกของซูเปอร์โบว์ลเป็นครั้งแรกหลังจากเข้าชิงมาทั้งหมด 8 ครั้ง
จนในช่วง 3 นาทีสุดท้ายของควอเตอร์แรก นิค โฟลส์ ขว้างไกลในดาวน์แรกไปถึงมือ อัลชอน เจฟฟรีย์ ทำทัชดาวน์แรกของเกม พาฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ขึ้นนำก่อน 9-3 จนจบควอเตอร์แรก
ควอเตอร์ที่ 2 นิค โฟลส์ กับ อัลชอน เจฟฟรีย์ ยังคงประสานงานในเกมบุกได้อย่างดีเยี่ยม ทำเพิ่มอีก 1 ทัชดาวน์จากการวิ่ง 21 หลาของลากาเลต์ บรอนซ์ ตัววิ่งของฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ขึ้นนำ 12 แต้ม 15-3
หลังจากนั้น ‘นักรบกู้ชาติ’ มาได้บิ๊กเพลย์ 2 เพลย์ติด เริ่มจากการปาบิ๊กเพลย์ให้คริส โฮแกน ระยะ 43 หลา ก่อนที่ เจมส์ ไวท์ จะวิ่งระยะ 26 หลา เป็นทัชดาวน์ไล่มา 15-12
ก่อนจบครึ่งแรก อีเกิลส์ทำแสบด้วยการลอกแผนนิวอิงแลนด์ที่ทอม เบรดีใช้ในช่วงควอเตอร์แรก ด้วยการที่ให้นิค โฟลส์ ควอเตอร์แบ็กวิ่งหลอกออกมาเป็นปีกด้านข้าง และรับบอลจากเคลย์ เบอร์ตัน วิ่งเข้าผ่านเข้าเอ็นโซนได้ทัชดาวน์ที่ 2 ขึ้นนำ 22-12 จบครึ่งแรกสกอร์ขึ้นนำ 10 คะแนน
ขณะที่การแสดงช่วงพักครึ่งปีนี้เป็น จัสติน ทิมเบอร์เลก ที่กลับมาแสดงในซูเปอร์โบว์ลครั้งแรกในรอบ 14 ปี จัดเต็มคอนเสิร์ตโดยนำแสดงเพลงฮิตอย่าง Rock Your Body, SexyBack, My Love, Cry Me a River, Suit & Tie, Mirror และ Can’t Stop the Feeling! นอกจากนี้ยังได้แสดงเพลง I Would Die for You ของวง Prince
เริ่มต้นครึ่งหลัง นิวอิงแลนด์ปรับมาใช้ ร็อบ กรอนคาวสกี ปีกในเป็นตัวรับบอล จนสุดท้ายสามารถทำทัชดาวน์ได้สำเร็จ ทำสกอร์ไล่ขึ้นมา 22-19 แต่นิค โฟลส์ ขว้างลูกไกลอีกครั้ง และเป็น คอลลี คลีเมนต์ ที่รับบอลได้ในเอ็นโซน แต่จังหวะ 50-50 กรรมการต้องเรียกดูภาพช้าก่อนจะยืนยันคำตัดสินให้เป็นทัชดาวน์ อีเกิลส์ทิ้งห่างไปเป็น 29-19 นำ 10 คะแนนอีกครั้ง
แต่ในช่วงท้ายควอเตอร์ที่ 3 นิวอิงแลนด์ไล่มาเป็น 29-26 จากทัชดาวน์ของคริส โฮแกน ก่อนจบควอเตอร์ด้วยสกอร์นี้
ควอเตอร์สุดท้าย นิวอิงแลนด์กลับมาได้เหมือนซูเปอร์โบว์ลครั้งที่ 51 อีกครั้ง โดยเบรดีขว้างบอลให้กรอนคาวสกีทำทัชดาวน์ได้อีกครั้ง ก่อนจะเตะเอ็กซ์ตร้าพอยต์ขึ้นนำ 33-32 เหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 นาที
ในช่วงท้ายเกม แฟนทีมอีเกิลส์ได้เฮอีกครั้ง หลังจากที่นิค โฟลส์ ขว้างลูกไกล 11 หลาให้ แซค เอิร์ธ วิ่งเข้าทัชดาวน์ ขึ้นนำอีกครั้ง 38-33
ก่อนที่ ทอม เบรดีจะโดนแซคแรกของเกม และเป็นการฟัมเบิลครั้งแรกในรอบเพลย์ออฟของเบรดี ทำให้อีเกิลส์ได้เทิร์นโอเวอร์กลับมาครองบอลอีกครั้ง ก่อนจะทำคะแนนทิ้งห่างอีกจากการยิงฟีลโกลทิ้งห่างไปเป็น 41-33
จบการแข่งขัน ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ พลิกล็อกเอาชนะทีมเต็งอย่างนิวอิงแลนด์ไปได้ 41-33 คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลสมัยแรกได้สำเร็จ ขณะที่ นิค โฟลส์ ได้รับรางวัล MVP หรือผู้เล่นทรงคุณค่าของการแข่งขันซูเปอร์โบว์ลครั้งที่ 52 ไปครอง
