กลายเป็น Talk of the Town ไปแบบไม่ตั้งใจสำหรับไอ้หนูมหัศจรรย์ ฟิล โฟเดน หนึ่งในดาวเด่นประจำทีมชาติอังกฤษ ที่กลายเป็นข่าวพาดหัวของแทบทุกสำนัก
คราวนี้ดีหน่อยที่ไม่ใช่ข่าวคาวแบบเดิมที่ชวนเพื่อนแสบอย่าง เมสัน กรีนวูด แอบหิ้วสาวเข้าห้องระหว่างช่วงการรับใช้ทีมชาติ จนต้องโดนอัปเปหิออกจากแคมป์ หากแต่ก็เป็นความแสบเบาๆ ของโฟเดนที่ขอทำผมใหม่ก่อนที่จะรับใช้ทีมสิงโตคำรามในศึกฟุตบอลยูโร 2020 ซึ่งอังกฤษมีคิวจะพบกับรองแชมป์โลก โครเอเชีย ในวันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายนนี้
โดยทรงผมใหม่ของเขาคราวนี้ยังเป็นผมสั้น เรียบ เนี้ยบ เหมือนเดิม แต่ที่สะดุดตาทุกคนจนอดพูดถึงไม่ได้คือการย้อมผมสีบลอนด์ ที่ทำเอาทุกคนเห็นแล้วร้อง “เฮ้ย!” เหมือนกัน เพราะมันดูแล้วชวนให้คิดถึงทรงผมและสีผมของ ‘แกซซา’ (Gazza) พอล แกสคอยน์ ตำนานนักเตะมหัศจรรย์ที่ได้รับการยกย่องว่าเปี่ยมด้วยพรสวรรค์สูงสุดตลอดกาลของทีมชาติอังกฤษในช่วงฟุตบอลยูโร 1996 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ตำนาน Wonderkid ของเมืองผู้ดี ทำผลงานได้ตราตรึงใจผู้คนจนถึงทุกวันนี้
โฟเดนเองก็รับลูกด้วยการโพสต์ภาพนี้บนโซเชียลมีเดีย พร้อมกับข้อความบรรยายแบบสนุกสนานว่า ‘Euro 96 vibes’
ไอ้หนุ่มวัย 21 ปี เล่าถึงแรงบันดาลใจและเรื่องราวว่า เขาไม่ได้ตัดผมมานานแล้ว ก็เลยอยากทำอะไรใหม่ๆ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น
เพียงแต่เมื่อตื่นมาในตอนเช้าก็เพิ่งรู้ว่าทรงผมใหม่กลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วบ้านทั่วเมืองไปแล้ว เพราะนอกจากจะมีคนเปรียบเทียบเขากับแกซซาแล้ว ก็มีการเปรียบข้ามวงการไปถึง เอ็มมิเน็ม ศิลปินชื่อดังด้วย
“จริงๆ ผมทำของผมเอง แต่คนก็ไปทำให้มันกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” โฟเดนกล่าวอย่างอารมณ์ดี
อย่างไรก็ดี การถูกเปรียบเทียบกับแกสคอยน์ ซึ่งเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญที่เหมือนจะดี ทำให้โฟเดนเองก็ต้องการที่จะทำให้ได้เหมือนดาวเตะรุ่นน้า ที่แม้จะเกิดไม่ทัน แต่เขาก็เคยได้เห็นความเก่งกาจของตำนานรุ่นก่อน
“ผมจำได้ว่าผมเคยดูไฮไลต์ของแกซซาในทีวี เขาเป็นผู้เล่นที่เหลือเชื่อ คนทั้งชาติเรารู้ดีว่าเขามีความหมายแค่ไหนต่อประเทศนี้ในสิ่งที่เขาทำ ผมก็คงไม่แย่เกินไปนักถ้าผมจะพยายามทำให้ได้เหมือนแกซซาในสนาม”
Stockport Gazza
พรสวรรค์ของโฟเดนเป็นที่เลื่องลือในวงการฟุตบอลอังกฤษมายาวนานตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักเตะเยาวชน
ไอ้หนุ่มจากสต๊อกพอร์ตเป็นผลผลิตในระบบอคาเดมีของแมนฯ ซิตี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในตักศิลาลูกหนังที่ดีที่สุดของอังกฤษ ไม่ว่าจะเรื่องของความพร้อมของอคาเดมีที่มีการลงทุนด้วยเงินมากมายมหาศาล และเหล่าเพชรเม็ดงามที่ถูกนำตัวมาจากทั่วโลกเพื่อให้โค้ชของทีมได้เจียระไน
อคาเดมีของแมนฯ ซิตี้ สร้างนักเตะดีๆ มาหลายคน แต่มีสองคนที่โดดเด่นเป็นพิเศษ หนึ่งคือ จาดอน ซานโช และอีกหนึ่งคือโฟเดน
น่าเสียดายที่รายแรกตัดสินใจว่าเขาไม่ขอรอความหวังที่ไม่รู้จะมีจริงไหมกับทีมเรือใบสีฟ้า ขอไปตายเอาดาบหน้ากับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์แทน ซึ่งก็ไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิด เพราะซานโชสามารถแจ้งเกิดกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของวงการฟุตบอลอังกฤษ และมีค่าตัวที่ประเมินในเวลานี้เกินกว่า 100 ล้านปอนด์
ขณะที่โฟเดนเลือกทางเดินที่แตกต่าง หลังแจ้งเกิดด้วยการเป็นกำลังสำคัญที่พาทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรประดับเยาวชนมาได้ ชื่อของเขาเป็นที่ต้องการของหลายสโมสรที่พร้อมจะกระชากตัวไปจากแมนฯ ซิตี้ ไม่ว่าจะในระยะสั้นหรือระยะยาว
ตามปกติแล้วการปล่อยนักเตะดาวรุ่งให้สโมสรระดับรองลงไปยืมใช้งานก็เป็นหนึ่งใน ‘สูตรฮิต’ ที่เคยสร้างยอดนักเตะมาแล้วมากมาย รวมถึง เดวิด เบ็คแฮม ตำนานกัปตันทีมชาติอังกฤษ และ แฮร์รี เคน เจ้าของปลอกแขนกัปตันสิงโตคำรามคนปัจจุบัน
แต่ในรายของโฟเดน เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือลูกหนังอันดับหนึ่งของโลก ปฏิเสธที่จะให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เพราะเชื่อว่าเขาสามารถดูแลและฟูมฟักเด็กคนนี้ให้ก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดนักเตะได้
อุปสรรคเพียงอย่างเดียวคือ โฟเดนต้องเชื่อใจในตัวเขาและอดทนมากพอ
โชคดีที่ทั้งสองต่างก้าวผ่านช่วงเวลาลำบากใจกันมาได้ โดยเฉพาะในวันที่โฟเดนต้องอดทนรอคอยโอกาสของเขา แม้ว่าในใจจะพร้อมลงไปโลดแล่นในสนามมากแค่ไหนก็ตาม
“สิ่งที่เราทำกับเขาคือการปกป้องเขา เพื่อที่เขาจะไม่ต้องลงเล่นทุกนัด ในช่วงเวลาเช่นนี้เราจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังในก้าวแรกๆ ของเขา” เป๊ปกล่าวถึงโฟเดน
“เขามีสิ่งที่เหลือเชื่อที่ทำให้ผมไม่มีข้อสงสัยเลยว่าเขาจะกลายเป็นสุดยอดผู้เล่นที่มหัศจรรย์ได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า ไม่เคยมีสักวันตั้งแต่ที่เราได้พบกันที่เขาจะทำสีหน้าไม่ดี หรือทำตัวไม่ดี เพราะเขาไม่ได้ลงเล่น
“ในการซ้อมทุกครั้ง ทุกการเล่นของเขาจะเต็มไปด้วยพลังบวก เขาเป็นคนที่ชอบแข่งขัน ทำประตูที่เหลือเชื่อได้มากมาย มีความเร็วสูง เล่นเกมรับได้ดี เราสามารถฝากความหวังเอาไว้กับเขาได้อีกหลายปี ไม่ว่าจะในฐานะกองกลาง ปีก หรือกองหน้า เพราะเขามีเซนส์ของการทำประตูและวิสัยทัศน์ในการเล่นที่เหลือเชื่อ”
เป๊ป ผู้ผ่านการสอนสุดยอดนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี, ชาบี เอร์นานเดซ และ อันเดรส อิเนียสตา กล่าวถึงโฟเดนอีกว่า “ผมเห็นผู้เล่นมามากมายในชีวิต เคยสอนนักเตะที่เหลือเชื่อมามากมาย และเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น”
สมัยเด็กมีคนมากมายที่บอกว่าเขาเหมือนอิเนียสตา แต่ตอนนี้สมญาของโฟเดนที่คนในวงการเขาเรียกกันคือ ‘แกซซาแห่งสต๊อกพอร์ต!’
โฟเดนบอกว่าเขายินดีที่จะรับฉายานี้ไว้ด้วยความเต็มใจ
‘แกซซา’ อัจฉริยะผู้น่าสงสาร
ถึงโฟเดนจะพูดถึงเรื่องราวที่ตราตรึงใจของแกสคอยน์ โดยเฉพาะในฟุตบอลยูโร 1996 ที่บทเพลง Football is Coming Home ยังก้องอยู่ในใจ แต่ในอีกมุมหนึ่งหรืออาจจะเป็นส่วนใหญ่ในความทรงจำของผู้คนแล้ว อัจฉริยะลูกหนังผู้เป็นที่รักและเป็นแรงบันดาลใจของชาวอังกฤษคือโศกนาฏกรรมลูกหนังขนาดย่อม
พอล จอห์น แกสคอยน์ คือนักฟุตบอลที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์อันมากล้น เด็กหนุ่มชาวจอร์ดีเป็นดาวเด่นของทุกทีมที่เล่นมาตั้งแต่เด็ก ระดับฝีเท้าของเขาสูงส่งและเหนือชั้นกว่าคนอื่นมากมายนัก และที่สำคัญเขาเล่นฟุตบอลเพื่อความสนุกสนาน ไม่ใช่แค่ตัวเองสนุก แต่คนดูก็ต้องสนุกไปด้วย
ไม่ว่าจะลงสนามเมื่อไร เราจะได้เห็นลีลาการเล่นมหัศจรรย์พันลึกที่ชวนให้ครางฮือด้วยความทึ่งเสมอ
แกสคอยน์กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของอังกฤษในฟุตบอลโลก 1990 ที่ประเทศอิตาลี และเป็นดาวเด่นของท็อตแนม ฮอตสเปอร์ หลังย้ายมาจากนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด สโมสรแรกที่เขาอยู่มาตั้งแต่ยังเป็นผู้เล่นในระดับเยาวชน
ในขณะที่กราฟชีวิตของเขากำลังไต่ระดับสูงขึ้นถึงระดับพีกจากลูกฟรีคิกมหัศจรรย์ที่เขายิงอาร์เซนอล คู่ปรับร่วมเมืองลอนดอนได้ในเกมเอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ ฤดูกาล 1990/91 และเริ่มเกิดกระแสข่าวว่าสเปอร์สอาจจะยอมขายเขาให้กับลาซิโอ สโมสรยักษ์ใหญ่จากกัลโช เซเรีย อา เพราะจะได้เงินก้อนใหญ่มาปลดภาระหนี้สินของสโมสร ชีวิตของแกสคอยน์ถึงจุดพลิกผันที่ใหญ่และเลวร้ายที่สุดในชีวิต
การเข้าสกัดอันตรายจาก แกรี ชาร์ลส์ ปราการหลังน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ในศึกนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพที่เวมบลีย์ ทำลายเอ็นหัวเข่าของเขาสะบั้น เขาไม่สามารถลงเล่นต่อได้ไหว ต้องโดนหามออกจากสนามอย่างน่าเศร้า แม้ว่าวันนั้นสเปอร์สจะเป็นเอาชนะได้ก็ตาม
เขาใช้เวลาตลอดฤดูกาล 1991/92 ในการรักษาอาการบาดเจ็บ ขณะที่ข่าวการย้ายไปลาซิโอของเขาก็กลายเป็นเรื่องที่คนพูดถึงกันทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะไม่รู้ว่าการย้ายทีมจะยังเกิดขึ้นไหม รวมถึงยังไปก่อเหตุที่ไนต์คลับจนต้องพักรักษายาวขึ้นไปอีก
สุดท้ายแล้วแกสคอยน์ ความหวังสูงสุดของอังกฤษ ได้ย้ายไปลาซิโอสมใจด้วยค่าตัว 5.5 ล้านปอนด์ รับเงินค่าเซ็นสัญญา 2 ล้านปอนด์ และรับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 22,000 ปอนด์ ซึ่งถือว่าสูงมากในสมัยนั้น แต่ชีวิตการเล่นของเขากับทีมดังแห่งกรุงโรมคือจุดเริ่มต้นของความตกต่ำในชีวิต
หลายสิ่งหลายอย่างมันยากไปหมดในอิตาลี และตัวของแกสคอยน์เองก็ไม่ใคร่จะทำตัวอย่างมืออาชีพมากนัก พฤติกรรมต่างๆ ทำให้เขาตกต่ำลงเรื่อยๆ จนถึงจุดต่ำสุด เมื่อขาหักเพราะทำตัวเองในจังหวะที่พยายามจะเข้าเสียบ อาเลสซานโดร เนสตา ในระหว่างการซ้อม
สุดท้ายแกสคอยน์และลาซิโอตัดสินใจแยกทางกันในปี 1995 ซึ่งยังดีที่เขากลับมาพบความสุขในการเล่นฟุตบอลอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นการถูกลดระดับลงมาอยู่กับกลาสโกว์ เรนเจอร์ส ในสกอตแลนด์ แต่ก็มีสถานะเป็นมหาอำนาจทีมหนึ่งของยุโรป
ในช่วงนี้เองที่แกสคอยน์ค่อยๆ กลับมา ทำให้ทุกคนนึกออกว่าเขาเคยยอดเยี่ยมแค่ไหน รวมถึงการวาดลวดลายมหัศจรรย์ในฟุตบอลยูโร 1996 (ใช่ ผมสีบลอนด์นี่แหละ!) แต่ความห่าม ความสุดโต่ง เหล้ายาปลาปิ้ง ทำให้เขาค่อยๆ ตกต่ำลงอีกเหมือนเดิม
และคราวนี้ไม่มีหนทางกลับอีกแล้วสำหรับแกซซา เขาถูกขายให้มิดเดิลสโบรช์ในปี 1998 ก่อนจะย้ายมาเอฟเวอร์ตันตามเจ้านายเก่าที่เรนเจอร์สอย่าง วอลเตอร์ สมิธ แต่วันอันรุ่งโรจน์ได้ผ่านไปนานแล้ว ก่อนจะใช้ชีวิตบั้นปลายระเห็จย้ายไปเล่นตามทีมต่างๆ ก่อนจะหมดสภาพนักฟุตบอลกับบอสตัน ยูไนเต็ด ในปี 2004
แกสคอยน์ นักฟุตบอลอัจฉริยะที่ทุกคนเคยหลงรัก กลายสภาพเป็นคนติดเหล้าที่ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ชีวิตของเขาตกต่ำดำดิ่งและน่าเวทนาอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวเป็นข่าว คนอังกฤษได้ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจกับโชคชะตา
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเขาไม่เคยก้าวผ่านความผิดหวังที่ชีวิตที่ควรจะรุ่งโรจน์ของเขาต้องพังพินาศ เพราะการเข้าเสียบสกัดของ แกรี ชาร์ลส์
ผู้คนเริ่มกังวลว่าเขาจะมีชะตากรรมเหมือน จอร์จ เบสต์ เทพบุตรลูกหนังผู้สูญเสียปีก และตกลงมานรก เพราะการติดเหล้าจนเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า
แต่สำหรับแกสคอยน์นั้นยังโชคดีที่มีคนรักเขามากพอที่จะส่งตัวเขาเข้ารับการบำบัดการติดแอลกอฮอล์ ทำให้เขารอดมาได้ในที่สุด
วันนี้แกสคอยน์ยังมีชีวิตอยู่ และดูเหมือนจะสุขภาพดีขึ้นบ้าง (แม้จะมีข่าวฉาวเรื่อยๆ เช่น ลวนลามผู้หญิง…) แต่กระแส Talk of the Town เรื่องทรงผมของโฟเดนที่เหมือนแกสคอยน์ก็เป็นเรื่องที่ชวนยิ้มได้ อย่างน้อยผู้คนก็ยังจดจำในสิ่งดีๆ เรื่องราวดีๆ ที่เขาเคยมอบความสุขผ่านการเล่นอันน่าเหลือเชื่อได้เสมอ
และสำหรับโฟเดน เรื่องราวของแกซซา นอกจากจะเป็นแรงบันดาลใจ ก็ยังเป็นบทเรียนที่ดีด้วย เพราะเขาเองก็เคยทำผิดและพลาดมาก่อน แต่ยังโชคดีทีทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอลา และ แกเร็ธ เซาท์เกต เลือกจะโอบกอดและสอนให้เข้าใจมากกว่าจะผลักไสไล่ส่ง
“ผมก็เคยทำพลาดครั้งใหญ่” โฟเดนกล่าว “ตอนนั้นผมยังเด็ก แกเร็ธบอกกับผมว่า ถ้าผมยังพยายามทำได้ดี เล่นได้ดี ผมก็จะได้รับโอกาสใหม่ ดังนั้นผมเลยพยายามทุ่มเทอย่างหนักนับจากนั้น ไม่ใช่ผู้จัดการทีมทุกคนหรอกที่จะให้โอกาสที่ 2 กับคน ผมอยากขอบคุณแกเร็ธที่เขาให้โอกาสกับผมอีกครั้ง”
บางทีเซาท์เกตอาจจะมองเห็นบางอย่างในตัวของโฟเดนว่าเหมือนกับเพื่อนเก่าของเขาที่เคยเฉิดฉายในยูโร 1996
คนที่กระดกบอลข้ามหัวกองหลังอย่าง โคลิน เฮนดรี ก่อนจะวอลเลย์สุดสนั่นผ่านมือ แอนดี้ โกแรม เข้าไปตุงตาข่าย
และเสียงเชียร์ก็ดังสนั่นเวมบลีย์
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/football/2021/jun/08/phil-foden-happy-to-be-called-the-stockport-gazza-after-pre-euros-haircut
- https://www.goal.com/en/news/phil-foden-reveals-new-gazza-style-haircut-and-hopes-to/hgxutchhv2wc1dzqhc6tiuiv0
- https://www.chroniclelive.co.uk/sport/football/football-news/gazza-life-genius-sadness-tragedy-7656315
- https://www.theguardian.com/football/blog/2013/aug/13/vault-paul-gascoigne-wondergoal-scotland-euro-96