×

วงคุย ‘เพื่อไทย-ประชาชน-ภูมิใจไทย’ เห็นพ้องเดินหน้าประชามติ ส่งร่างแก้ไข รธน. สัปดาห์หน้า

โดย THE STANDARD TEAM
11.09.2025
  • LOADING...

วันนี้ (11 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกันระหว่าง 3 ตัวแทนพรรคการเมือง ทั้งพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย

 

ซึ่งมี นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว สส. น่าน และ จาตุรนต์ ฉายแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รวมถึง ภราดร ปริศนานันทกุล สส. อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย

 

นอกจากนี้ ยังมีการหารือกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้แก่ นรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการ และ เทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. ในฐานะกรรมาธิการ ตลอดจนภาคประชาชน รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

 

ผลหารือร่วม 3 พรรคการเมือง

 

พริษฐ์กล่าวว่า หัวข้อหลักคือการหารือถึงแนวทางต่อไปในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายหลังที่มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมา ซึ่งหลายฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า คำวินิจฉัยนั้น มีปัญหาอยู่จริง ทั้งในเชิงกระบวนการที่อาจมีการตอบคำถามที่ไม่ได้ถามไปโดยตรง หรือเนื้อหาคำวินิจฉัยที่ดูมีความพยายามปิดประตูต่อการมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งขัดกับหลักการประชาธิปไตย และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยวินิจฉัยไว้เอง

 

ดังนั้น จึงมีการพูดคุยกันว่า เมื่อคำวินิจฉัยเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร โดยมี 3 ข้อสรุป คือ

 

1. ทั้ง 3 พรรค เห็นตรงกันว่า สามารถเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยทำประชามติ 2 รอบ ด้วยการเริ่มต้นให้รัฐสภา พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 เกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเมื่อผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา 3 วาระแล้ว ก็จัดทำประชามติรอบแรก

 

สำหรับคำถามประชามติ คำถามที่ 1 คือเห็นควรให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และคำถามที่ 2 คือ เห็นด้วยกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 เกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่รัฐสภาเห็นชอบมาหรือไม่

 

และเมื่อมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว จะนำมาสู่การทำประชามติในรอบที่ 2 เพื่อถามว่าประชาชนเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งจะสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้

 

2.เราเห็นว่ากระบวนการดังกล่าว สามารถเดินหน้า เพื่อให้มีการจัดทำประชามติรอบแรกทันกับการเลือกตั้งภายในกรอบเวลา MOA หรือคือการยุบสภาภายใน 4 เดือน หลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

 

พริษฐ์ยกตัวอย่างว่า ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในช่วงปลายเดือนกันยายน จะหมายความว่า ต้องมีการยุบสภาภายในปลายเดือนมกราคม ซึ่งทุกพรรคเห็นตรงกันว่า เราสามารถเดินหน้ายื่นและพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 ได้เลย และเมื่อผ่านวาระ 1 ไปแล้ว คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จก็สามารถส่งกลับมาได้ในวาระที่ 2 ช่วงเดือนธันวาคม จะทำให้เราสามารถให้ความเห็นชอบในวาระที่ 3 ได้ภายในปลายเดือนธันวาคม ซึ่งทำให้เรามีเวลาในเดือนมกราคม ที่จะสามารถเคาะวันการจัดทำประชามติ เพื่อเกิดขึ้นพร้อมกับเมื่อมีการยุบสภาภายในไม่เกินปลายเดือนมกราคม ซึ่งตามกรอบระยะเวลา 4 เดือน จะสามารถจัดทำประชามติรอบแรก พร้อมกับการเลือกตั้งได้

 

3. แต่ละพรรคจะไปหารือกันภายใน เพื่อทบทวนหรือจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 15/1 ขึ้นมา ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้ ซึ่งคงเป็นข้อถกเถียงภายในแต่ละพรรคว่า จะถูกตีความว่าอย่างไร จะส่งผลกระทบต่อข้อเสนอในการมี สสร. อย่างไร และแต่ละพรรคจะเสนอกลไกจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร ให้มีความยึดโยงกับประชาชน และให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยตั้งเป้าว่า ในสัปดาห์หน้าจะให้ทั้ง 3 พรรค มานำเสนอแนวคิด หรือร่างตัวเอง ในกรรมาธิการต่อไป

 

ทั้งนี้ กกต.ยังมีการยืนยันว่า สามารถดำเนินงานตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดได้

 

เรียกร้องคำวินิจฉัยศาลฉบับเต็ม

 

พริษฐ์ย้ำว่า ร่างของพรรคประชาชนจะแล้วเสร็จทันสัปดาห์หน้า และจากที่พูดคุยกับตัวแทนพรรคเพื่อไทย ก็เห็นว่าสามารถทำให้ทันภายในสัปดาห์หน้าได้ แต่ในส่วนพรรคภูมิใจไทยคือ ภราดรได้ออกจากห้องไปก่อนที่จะมีข้อสรุปหัวข้อนี้ อย่างไรก็ตาม ได้รับคำยืนยันจากภราดรว่า จะมีการจัดทำโดยเร็ว จึงหวังว่าสัปดาห์หน้าจะเห็นร่างของทั้ง 3 พรรค เพื่อยื่นเข้าสู่ระเบียบวาระ และเปิดการพิจารณาวาระที่ 1 โดยเร็ว

 

ส่วนเนื้อหาในร่างของพรรคประชาชน ก็ต้องมีการหารือกันภายในช่วง 2-3 วันข้างหน้า ซึ่งต้องออกแบบให้ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยังคงเจตนารมณ์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางตรง และมีกลไกที่ยึดโยงกับประชาชนโดยตรง

 

สำหรับข้อกังวลที่อาจจะไปติดในชั้น สว. นั้น เป็นหน้าที่ของทุกพรรค ในการพูดคุยทำความเข้าใจ โน้มน้าวให้ สว. เห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว เพราะแน่นอนว่า การจะผ่านวาระหนึ่งไปได้ ต้องอาศัยเสียง 1 ใน 3 ของ สว. ด้วย

 

ส่วนหากสัปดาห์หน้า พรรคภูมิใจไทยไม่พร้อม จะทำให้ไทม์ไลน์ถูกยื้อหรือไม่ พริษฐ์มองว่า หากวาระหนึ่งถูกเลื่อนออกไป ก็ไม่ได้มีความหมายอะไร แค่คณะกรรมาธิการจะได้เวลาน้อยลงจากเดิม 2 เดือนเต็ม อย่างไรก็ตาม คงมีการคุยตกผลึกกันก่อนเข้าวาระหนึ่ง

 

ส่วนหากรอคำวินิจฉัยฉบับเต็ม จะทันกับการแก้ร่างเพื่อเสนอใหม่หรือไม่ พริษฐ์เรียกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญว่า ยิ่งประเด็นนี้มีความสำคัญ ยิ่งมีการถกเถียง หรือยังมีประเด็นที่ถูกมองว่า เป็นการตอบเกินคำถามนั้น อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งออกคำวินิจฉัยกลาง และคำวินิจฉัยส่วนบุคคลของทั้ง 9 ตุลาการมาโดยเร็ว โดยมติคณะกรรมาธิการล่าสุด ก็มีการทำหนังสือ เพื่อขอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็มเช่นเดียวกัน ทางที่ดีที่สุด ขอให้เปิดต่อสาธารณะโดยเร็ว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising