วันนี้ (13 ธันวาคม) ในการสัมมนาโครงการเสริมศักยภาพ สส. และบุคลากรทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นการบรรยายของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมถึง ทักษิณ ชินวัตร และ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะวิทยากรรับเชิญ ให้กับรัฐมนตรี และ สส. ของพรรค
ขอรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ ร่วมมือสร้างพลัง
นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดบรรยายในหัวข้อ ‘การสื่อสาร Branding และ 1 ปี ในฐานะหัวหน้าพรรค’ ตอนหนึ่งว่า ตนเป็นนายกรัฐมนตรีมา 90 วัน แต่เป็นหัวหน้าพรรคมา 400 กว่าวัน คือ 1 ปี กับ 1 เดือน มีความผูกพันกับพรรคเพื่อไทยอย่างมาก ซึ่งวันนี้ สส. หลายท่านพัฒนาตัวเองขึ้นมาก ทำให้อยู่ในสายตาของคนทั่วประเทศได้มากขึ้น
ขณะเดียวกันได้ก่อตั้งทีมอะคาเดมีขึ้นมาเพราะเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยขาดไปช่วงหนึ่ง เป็นทีมเบื้องหลังในการหาข้อมูล ไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าอยู่คนละฝั่ง คนละช่วงอายุ แต่อยากให้ทุกคนเข้าหากัน เรียนรู้ด้วยกัน ถ่ายทอดความรู้ซึ่งกันและกัน ถ้าเราจะมีพลังนั่นคือวันที่เรารวมกัน คือสิ่งที่ตนอยากเห็นในอนาคต พร้อมย้ำว่า สส. ทุกคนมีความสำคัญ อยากให้รักษาการติดต่อกับประชาชนโดยตรง ทำพื้นที่ให้ดีที่สุด ช่วยกันทำให้เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ ยืนยันว่าจะพยายามพัฒนาพรรคต่อไป เพราะ 3 เดือนที่ผ่านมาโฟกัสแต่เรื่องของรัฐบาล หลังจากนี้ขอปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น จัดสรรเวลา สัญญาว่าประชุมพรรคหรือที่สภาเราจะเจอกันบ่อยขึ้น
‘เศรษฐา’ บอก 3 เดือน รัฐบาลเพื่อไทย 2 ตั้งไข่สมบูรณ์
ด้านเศรษฐากล่าวว่า มาเป็นนายกฯ แล้วทำให้รู้ว่าหลายเรื่องไม่ง่าย เพราะเรามีแค่ 141 เสียง จาก 500 เสียง แม้หลายเรื่องจะเกิดขึ้นช้าแต่เชื่อว่าเราพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความตั้งใจจริงของรัฐบาล
วันนี้ตนดีใจที่ได้รับการซัพพอร์ตจากทุกคนจนกระทั่งพ้นจากตำแหน่ง และวันแรกที่พ้นจากตำแหน่งตื่นเช้ามาก็รู้สึกงงๆ ว่าจะไปไหนดี แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็ไหลลื่นไปตามที่ตนเองจะต้องทำ โดยเชิญรัฐมนตรีหลายคนที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยเพื่อส่งมอบงาน หลังจากนั้นตนได้เดินทางไปต่างประเทศ
เศรษฐากล่าวอีกว่า เข้าใจว่าสื่อมวลชนหลายสำนักอยากพูดคุยด้วยแต่คิดว่าไม่เหมาะสม เพราะเมื่อพ้นจากตำแหน่งได้นายกฯ คนใหม่แม้รัฐมนตรียังเป็นหน้าเก่า แต่สไตล์การทำงาน หลักการคิด และนโยบายที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามนายกฯ คนใหม่ก็ต้องให้เกียรตินายกฯ คนใหม่
มั่นใจเพื่อไทยแข็งแกร่งหลังทักษิณกลับมา
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา เศรษฐาเชื่อว่านายกฯ ตั้งไข่อย่างสมบูรณ์ ได้รับการซัพพอร์ตอย่างดีจาก สส. ทุกคน และนำพารัฐบาลที่มีพรรคร่วมได้ดีพอสมควร วันนี้เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่ต้องช่วยเหลือกัน ช่วยกันปกป้อง เพราะช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนว่ามีการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลของเรา ขอช่วยกันซัพพอร์ตนายกฯ
ขณะที่เศรษฐาย้ำว่า นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันถือว่ามีความเหมาะสมที่สุดที่จะอยู่ตรงนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ให้ความร่วมมือดี และดีกว่าสมัยที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี แพทองธารเก่งกว่าตนเยอะ เรื่องเหล่านี้เป็นที่ประจักษ์และสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการซัพพอร์ตจาก สส. ทุกคน
ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันการเมืองที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทย และวันนี้ทักษิณกลับมาแล้ว มาช่วยเราคิดเรื่องของนโยบาย และคนรุ่นใหม่ก็เติบโตขึ้น ตนยืนยันว่าหัวใจเพื่อไทย 100% หน้าที่ชัดเจนวันนี้คือซัพพอร์ตนายกฯ แพทองธารไม่ไปไหน
‘ทักษิณ’ บอก ทีมงานทรัมป์เตือนระวังกำแพงภาษีสหรัฐฯ
ขณะที่ทักษิณกล่าวบนเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทยช่วงหนึ่งว่า วันนี้เป็นห่วงมากที่สุดคือหลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งก่อนการหาเสียงก็มีคนของทรัมป์ประชุม Zoom คุยกับตนให้ประเทศไทยระวัง เนื่องจากเราได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐอเมริกา เพราะเราเพิ่งไปเจรจา FTA กับออสเตรเลีย ทำให้สินค้าเข้ามาในประเทศไทยโดยไม่เสียภาษี แต่สหรัฐอเมริกาต้องเสียภาษี 50% แม้เราจะมองว่าอาจไม่กระทบอะไรกับคนไทยแต่ต้องศึกษาเอาไว้ เป็นสิ่งที่เราต้องรู้เขาและเขาต้องรู้เรา
ทักษิณกล่าวอีกว่า ตอนที่ทรัมป์ประกาศว่าจะใช้หนี้รัฐบาลสหรัฐอเมริกา และเพื่อนของตนบอกว่า Bitcoin มีแนวโน้มราคาสูงขึ้น ที่มาพูดเพราะมีแนวโน้มที่หลายประเทศจะนำ Bitcoin บางส่วนมาใช้จ่ายในประเทศ ดังนั้นวันนี้ไทยต้องเตรียมและต้องรู้เท่าทันให้ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และกระทรวงการคลัง ไปศึกษาว่าเราจะรับ Bitcoin ได้หรือไม่
สิ่งที่น่าติดตามคือ Stablecoin ที่จะเพิ่มเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจแทนการออกพันธบัตรซึ่งขาดทุนทุกปี โดยสามารถออกเป็นคอยน์และมีบอร์ดของรัฐบาลค้ำประกัน เงินจะไหลเวียนทำให้เศรษฐกิจโตแน่นอน
เพื่อไทยเกิดมาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
ทักษิณกล่าวว่า GDP ปีหน้าโต 3.5 % ไม่น่ามีปัญหา ปี 2569 โต 4% วันนี้เราไม่พอใจเพราะหาก GDP ไม่ถึง 5 %ประเทศไทยจะด้อยกว่าประเทศอื่นในอาเซียน เม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจเราถูกดูดออกหมด เพราะธนาคารพาณิชย์ไม่อยากปล่อยกู้ธุรกิจที่ยังไม่มั่นคง จึงต้องหาเม็ดเงินเข้าสู่ในระบบเศรษฐกิจโดยที่ไม่เป็นภาระกับประเทศ ซึ่งหนี้สาธารณะเรามี 68% แต่เพดานหนี้สาธารณะอยู่ที่ 70% วันนี้มีวิธีลดหนี้สาธารณะอยู่ 2 อย่าง คือ 1. ทำ GDP ให้โต 2. ลดการขาดดุลหรือจัดเก็บภาษีให้เพียงพอ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยากทั้งคู่ แต่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เพราะพรรคเพื่อไทยเราเกิดมาด้วยความสามารถทางเศรษฐกิจ
ชี้ หากยังคุย MOU 44 ไม่ได้ อีก 20 ปีไทยสูญ 4 ล้านล้านบาท
ช่วงหนึ่งทักษิณได้อธิบายรายละเอียดเรื่องสนธิสัญญา MOU 44 หลังพรรคเพื่อไทยถูกนำเรื่องนี้มาโจมตีว่าปี 2544 สมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี บันทึกข้อตกลงดังกล่าวคือเราจะตกลงและเราจะคุยกันในข้อที่เรายังไม่ได้ตกลงกัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราตกลงกันแล้ว จึงเกิดสนธิสัญญา MOU 44 หารือการลากเส้นเขตแดนทางทะเลที่ไม่ตรงกัน โดยต้องอ้างกฎหมายระหว่างประเทศและอ้างสนธิสัญญา
ส่วนเรื่องเกาะกูดที่มีการพูดโจมตี และคนพูดไม่ได้ดูเนื้อหาสาระนั้น ทักษิณยืนยันว่าเกาะกูดเป็นของไทยมานานแล้ว และอยู่ในสนธิสัญญาระหว่างสยาม-ฝรั่งเศสในสมัยที่ยึดครองประเทศกัมพูชา แต่วิธีลากเส้นของกัมพูชาไม่ถูก ผิดหลักกฎหมายสากลอยู่ แต่เรามั่นใจว่าวิธีลากเส้นของเราถูก เพียงแค่บอกว่าจะคุยก็เกิดการโวยวายกันใหญ่
เรื่องนี้ปัญหาคือก๊าซธรรมชาติและน้ำมันที่อยู่ในพื้นที่ตรงนั้น อีกประมาณ 20 ปีจะไม่สามารถใช้ได้ เพราะคนกำลังเรียกหาพลังงานสีเขียว เลิกใช้พลังงานที่เกิดจากฟอสซิล เพราะฉะนั้นอีก 20 ปีเราจะทิ้งทรัพย์สินตรงนี้ประมาณ 4 ล้านล้านบาท ซึ่งหากใช้ไม่ได้ก็จะหายไป
แต่หากเราตกลงกันได้ในข้อตกลง 2 อย่าง คือ 1. ผลประโยชน์ทางทะเล 2. เส้นเขตแดน ซึ่งเขตแดนบนบกไม่มีปัญหาแต่มีปัญหาที่ทางทะเล ทำให้เรื่องนี้ยังไม่จบ และรู้หรือไม่ว่าหลายชาติก็มีปัญหาเรื่องเขตแดน ซึ่งเราก็มีปัญหากับประเทศมาเลเซีย เมียนมาก็มี สปป.ลาวก็มี รวมไปถึงว้าแดงที่เขาใช้ชนกลุ่มน้อยมาเป็นแนวกันชน ต้องมาดูกันว่าตรงนั้นเป็นของใคร เพราะต่างคนต่างอ้างสิทธิเส้นเขตแดน
“ไม่มีใครเขาไปขายชาติหรอก ถ้าขายคนเฮงซวยพอขายได้ แต่ไม่มีใครเอาอยู่แล้ว กลัวเป็นภาระเขา” ทักษิณกล่าว
ส่วนเรื่องของพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลบริเวณไหล่ทวีประหว่างไทยและกัมพูชา (OCA) ปัจจุบันยังไม่มีการตกลงใดๆ ทั้งสิ้น และไม่เคยบอกว่าจะเป็นของใคร เพราะทุกอย่างมันชัดอยู่แล้ว เรื่องบนบกจบไปนานแล้ว เหลือแต่เรื่องเส้นทางทะเลที่จะต้องแบ่งกันว่าผลประโยชน์ตรงนี้ควรจะเป็นของใคร
แต่สิ่งที่เถียงกันแทบตายคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือบริษัทที่ได้รับสัมปทานเดิม เพราะสัญญายังคงอยู่ ซึ่งประเทศจะได้ประโยชน์ ได้น้ำมัน ได้นำก๊าซธรรมชาติมาใช้ หากการขนส่งใกล้ก็จะมีต้นทุนถูก ซึ่งวันนี้ต้องมีคนอธิบาย กระทรวงการต่างประเทศต้องอธิบายให้ชัดเจน จริงๆ แล้วประเทศไทยต้องมีคณะกรรมการมาจากทุกฝ่าย ทั้งของกระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายความมั่นคง ไม่มีอะไรทำง่ายๆ แต่บางทีบางคนก็ไปว่าไปด่าว่าตนมีความสัมพันธ์กับสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน