วันนี้ (5 กันยายน) ผ่านไปแล้วครึ่งวัน ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรยังไม่ได้เข้าสู่ขั้นตอนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เนื่องจากประธานในที่ประชุมเปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายคุณสมบัติของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง
โดยสมาชิกมีความเห็นแบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่สนับสนุนอนุทิน, ฝ่ายที่สนับสนุน ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และอีกฝ่ายที่ยังรอการพิจารณา
อย่างไรก็ตาม สมาชิกส่วนใหญ่จากพรรคเพื่อไทย ได้วิพากษ์วิจารณ์คุณสมบัติของอนุทินอย่างดุเดือด ทั้ง อดิศร เพียงเกษ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสงสัยว่า อนุทินมีข่าวลือหนาหูในสภาว่า มีการใช้เงินถึง 1,500-2,000 ล้านบาท เป็นเรื่องที่ไม่สบายใจ และขอให้อนุทินชี้แจงเรื่องนี้ อย่างเช่นพรรคเพื่อไทยเองก็มีไป 8 คน ใครๆ ก็รู้ เด็กอนุบาลยังทราบว่าไปเพราะอะไร
“ผมไม่อิจฉาตาร้อนครับ เป็นเถอะครับ ได้วาระเป็นก็ต้องเป็น คุณอนุทินก็เหมาะสมที่จะเป็นถ้ามีภูมิหลังบริสุทธิ์ยุติธรรม และสะอาดจริงๆ นายกรัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ถ้ามีข่าวแบบนี้ ผมว่าเดินไปซอยไหนก็ไม่สง่างามหรอกครับ” อดิศรกล่าว
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส. น่าน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยได้ดำเนินการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีของอนุทิน มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ รวมถึงการครอบงำพรรคการเมืองขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ด้วยการทำข้อตกลงให้ผู้ขาดคุณสมบัติได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ด้าน จาตุรนต์ ฉายแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ตั้งคำถามว่า เราจะเชื่อได้อย่างไรว่า พรรคประชาชนจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่าง หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะแบ่งเวลาอย่างไร เราจะยอมให้ผู้นำฝ่ายค้านสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อย่างไร ในเมื่อท่านเป็นผู้ร่วมเลือกรัฐบาลนี้มา พรรคประชาชนจึงไม่สามารถทำหน้าที่ถ่วงดุลรัฐบาลได้ ไม่สามารถอยู่ในสถานะที่ทัดทานได้ รัฐบาลออกนโยบายอะไรมา พรรคประชาชนไม่สามารถคัดค้านได้
“มวลชนของพรรคประชาชนจะรู้สึกอย่างไร หากพรรคของท่านได้กลายเป็นพรรคที่ข้ามขั้ว สนับสนุนพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายอนุรักษนิยมอย่างเต็มตัว” จาตุรนต์กล่าว