วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายฯ พรรคเพื่อไทย และทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ถึงกรณีประเทศไทยเตรียมรับวัคซีนล็อตแรกว่า
นอกเหนือจากมิติความเพียงพอและความรวดเร็วของการได้รับวัคซีนแล้ว อีกมิติหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันคือการใช้วัคซีนที่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ยุทธศาสตร์การกำหนดกลุ่มเป้าหมายการฉีดจึงมีความสำคัญยิ่ง
ต้องตอบคำถามแรกให้ได้ก่อนว่าเราต้องการอะไร ระหว่าง ป้องกันการป่วย หรือ ป้องกันการระบาด เพราะมันจะนำไปสู่วิธีการฉีดที่ต่างกัน เป็นสองเป้าหมายที่ย้อนแย้งกัน หากคำตอบคือป้องกันการป่วย ก็ต้องไปฉีดที่กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ แต่หากคำตอบคือป้องกันการระบาด ก็ต้องเน้นไปฉีดที่กลุ่มพาหะ คนที่มีการเคลื่อนที่สูง เดินทางสูง พบปะคนมาก ซึ่งได้แก่ คนวัยกลางคน คนวัยทำงาน
เผ่าภูมิระบุอีกว่า โควิด-19 เป็นโรคที่อัตราการตายต่ำ ป่วยหนักต่ำ แต่กลับระบาดเร็วโดยคนไม่มีอาการ แต่เคลื่อนที่สูงแพร่เชื้อสู่คนอื่นๆ อย่างรวดเร็ว การระบาดในไทยล้วนเกิดจากคนวัยกลางคน คนทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเคสสนามมวย ผับทองหล่อ บ่อนการพนัน ตลาดกุ้ง แรงงานต่างด้าว เป็นต้น ในขณะที่กลุ่มเปราะบางไม่ใช่ต้นตอของการระบาด เพราะมีการเคลื่อนที่ไปมาต่ำกว่ามาก เจอคนน้อยกว่ามาก และส่วนใหญ่รับเชื้อจากคนวัยกลางคนที่ทำงานนอกบ้านแล้วเอาเชื้อมาติดในบ้าน
“ผมจึงมองว่าเป้าหมายการป้องกันการระบาดควรมาก่อน โดยจัดสัดส่วนวัคซีนที่เหมาะสมให้กับคนวัยทำงาน ซึ่งจะทำให้เราเข้าสู่ภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วกว่า และทำให้อัตราการติดเชื้อ การป่วยหนัก และการเสียชีวิตต่ำกว่าในระยะยาว”
นอกจากนั้นเผ่าภูมิระบุอีกว่า มิติของการกระจุกตัวของวัคซีนตรงนี้ต้องละเอียด ในระยะแรกเราไม่จำเป็นต้องให้ครัวเรือนใดฉีดทั้งครัวเรือน แต่ต้องกระจายให้แต่ละครัวเรือนมีคนได้ฉีดในวงกว้าง และคนได้ฉีดนั้นเป็นคนที่เคลื่อนที่มากสุดในครอบครัว ทำงานนอกบ้านมากสุดในครอบครัว อีกทั้งในช่วงแรกควรเน้นไปที่เขตจังหวัดที่มีประชากรหนาแน่นมากกว่าประชากรเบาบาง เพราะมีจำนวนครั้งการสัมผัสระหว่างคนสู่คนมากกว่า
“ย้ำอีกครั้งว่ายุทธศาสตร์การฉีดวัคซีนในภาวะวิกฤตมีความสำคัญยิ่ง ในจำนวนวัคซีนเท่ากันสามารถสร้างผลที่ต่างกันแบบหน้ามือเป็นหลังมือ” เผ่าภูมิ กล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า