วันนี้ (10 พฤศจิกายน) พรรคเพื่อไทยเปิดตัว บิลลี่-จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา จิรวัฒน์ลาออกจากสมาชิกพรรคก้าวไกลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
โดยในวันนี้แกนนำพรรค เช่น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย มาร่วมให้การต้อนรับ พร้อมสวมเสื้อสมาชิกพรรคให้จิรวัฒน์
นพ.ชลน่านกล่าวต้อนรับจิรวัฒน์ โดยระบุว่า ในฐานะพรรคการเมือง พรรคเพื่อไทยถือว่าได้รับโอกาสจากจิรวัฒน์ ที่ได้ตัดสินใจเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคและเข้ามาร่วมทำงานกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเรามีเป้าหมายสำคัญคือต้องการบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์การทำงาน เข้าใจการทำงานของพื้นที่เป็นอย่างดี โดยส่วนตัวได้มีโอกาสร่วมงานกับทนายบิลลี่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นกรรมาธิการร่วมกันในหลายคณะ โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมายที่สำคัญสุดคือร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งจิรวัฒน์สามารถทำหน้าที่ได้อย่างดียิ่ง บทบาทในสภามีความโดดเด่น ไฟแรง จะเข้าถึงหัวใจของพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยได้อย่างแน่นอน
“การเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยของทนายบิลลี่ในครั้งนี้เป็นเพียงขั้นตอนเบื้องต้น ส่วนจะเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน เป็นผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทยหรือไม่ จะเป็นไปตามกระบวนการสรรหาของพรรค ทั้งในส่วนของพื้นที่ กทม. และเข้าสู่กระบวนการสรรหาตามกฎหมายต่อไป” นพ.ชลน่านกล่าว
ขณะที่จิรวัฒน์กล่าวว่า ขอขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพรรคเพื่อไทย ไม่คาดฝันว่านับตั้งแต่ก้าวเข้ามาก้าวแรกจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ก่อนอื่นตนขอขอบคุณพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ที่เคยร่วมเดินทางและร่วมประสบการณ์บริหารงานการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานในสภาที่ได้รับมอบหมาย ไม่ว่าจะเป็นกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ และด้านอื่นๆ ขอขอบคุณจากใจจริงในทุกช่วงเวลาที่ทำให้ตนมีบทบาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้เห็นพัฒนาการของประเทศไทย ณ วันนี้ที่ตนเป็นอดีต ส.ส. และเป็นเพียงประชาชนคนธรรมดา ในมุมมองที่ตนมองเข้ามายังพรรคเพื่อไทย พบว่าพรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันการเมืองที่พิสูจน์ตัวเองมาตลอด นับตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางแรงกดดันทางการเมืองต่างๆ ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่าเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย โดยในห้วงเวลา 15 ปี นับตั้งแต่การรัฐประหารปี 2549 ที่พี่น้องประชาชนมีประสบการณ์ร่วมกันคือการรัฐประหาร และรัฐบาลรัฐประหารที่ไม่สามารถสร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศในเวทีนานาชาติได้
ดังนั้นในรัฐบาลหน้า ผู้ที่จะเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชน และพรรคการเมืองนั้นต้องสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่จะเป็นความหวังให้กับพี่น้องประชาชนในการแก้ไขปัญหาการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
จิรวัฒน์ระบุว่า ตนมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าพรรคเพื่อไทยในวันก่อนกับวันนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ตนเฝ้ามองในฐานะคนภายนอกพบว่า พรรคเพื่อไทยมีการปรับเปลี่ยนให้ทันกับยุคสมัย มีการรีแบรนดิ้งให้มีความทันสมัย เข้าใจคนรุ่นใหม่ ทุกวันนี้โลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พรรคการเมืองต้องปรับเปลี่ยนเร็ว วันนี้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ปรับตัวได้เร็ว ขณะที่พี่น้องประชาชนคนรากหญ้าและคนชุมชนเมือง พรรคก็ได้ให้ความสำคัญอย่างเท่าเทียมกัน ดังนั้นการที่ตนเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคในวันนี้ เพราะมีความเชื่อมั่นว่าในอนาคตพรรคเพื่อไทยจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของพี่น้องประชาชน ทั้งในด้านของเศรษฐกิจ ความกินดีอยู่ดี ตนพร้อมที่จะทำงานที่ได้รับมอบหมายและงานพื้นที่อย่างเต็มที่
“ผมขอขอบคุณในไมตรีจิตของพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ที่ให้กันมาโดยตลอด เจอกันยังสามารถทักทายพูดคุยได้เช่นเดิม ผมขอบคุณทุกท่านในพรรคเพื่อไทยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ในวันนี้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยถือว่าเป็นสหายร่วมทางการเมือง มีอุดมการณ์ทางประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน” จิรวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ การลาออกจากพรรคก้าวไกล จิรวัฒน์ระบุว่าได้คุยกับผู้ใหญ่ในพรรคแล้ว มองว่าการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายเป็นเรื่องปกติ พร้อมยืนยันการมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยจะไม่กระทบกับการทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกล และการย้ายพรรคไม่ใช่เพราะการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 แต่มองว่าทุกมาตราสามารถแก้ไขได้ แต่ต้องดูองค์ประกอบโดยรวมด้วย หากทุกฝ่ายเห็นตรงกันก็ต้องเป็นไปตามเสียงข้างมาก
สำหรับจิรวัฒน์ปัจจุบันเป็นทนายความ อายุ 32 ปี อดีต ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขต 27 อดีตประธานคณะอนุกรรมการธิการคุ้มครองผู้บริโภค อดีตประธานสภาเยาวชน เขตตลิ่งชัน เป็นทนายความซึ่งทำหน้าที่ในพื้นที่และนำปัญหาเข้าสู่สภาอย่างสม่ำเสมอ โดยหลังจากสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเแล้ว พรรคจะได้นำเข้าสู่กระบวนการสรรหาผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ของพรรคต่อไปตามข้อบังคับของพรรค
