วันนี้ (24 พฤษภาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยจัดสัมมนาว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และผู้สมัคร ส.ส. ที่ห้องประชุมชั้น 7 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีการติดแผ่นป้ายว่า ‘ประสานกำลังใจเดินหน้าต่อไปเพื่อประชาชน’ โดยมี แพทองธาร ชินวัตร, เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, แกนนำพรรค, ว่าที่ ส.ส., ผู้สมัคร ส.ส. และสมาชิกพรรค เข้าร่วม
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศบนเวทีสัมมนาว่า การพบปะกันในวันนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ
วัตถุประสงค์แรก เป็นการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งแต่ละคนจะได้ไปต่อสู้ในพื้นที่แต่ละเขตของตนเอง รวมถึงผู้สมัครบัญชีรายชื่อที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสภาของประชาชน หลายคนชนะเลือกตั้งเพียงหลัก 100 หรือ 200 คะแนน บางคนก็แพ้แบบหวุดหวิด หลายคนบอกว่าทุ่มเทแบบถึงที่สุดแล้ว หลายคนอาจมีน้ำตาไหลออกมา เพราะทุ่มเทขนาดนี้แล้วเหตุใดผลไม่เป็นอย่างที่หวัง จึงเป็นเรื่องที่จะมาพูดคุยกันว่าจากนี้ไปจะดำเนินการอย่างไร
วัตถุประสงค์ที่สอง ทุกคนจะได้พบกับ 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ หลังจากกล่าววัตถุประสงค์เสร็จ 2 ข้อ นพ.ชลน่าน ได้ยกมือชูสัญลักษณ์ 2 นิ้ว และกล่าวว่า ขอยืนยันเป็นครั้งที่ 504 ว่าจะต่อสู้ต่อไป
นพ.ชลน่าน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมอยากจะบอกทุกคนว่าตอนนี้เราเตรียมตัวไปเป็นรัฐบาลภายใต้เงื่อนไขว่า เราต้องจับมือกับพรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 คือพรรคก้าวไกล ซึ่งเราได้แถลงไปแล้วว่าจะสนับสนุนหัวหน้าพรรคก้าวไกลขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ตามกลไกของรัฐธรรมนูญที่ได้กำหนดไว้
“เราเป็นพรรคที่มีส่วนร่วมอย่างจริงใจบนพื้นฐานที่จะสงวนท่าที ไม่ให้รู้สึกว่าเราเป็นผู้กำหนดเกณฑ์ เพราะการยุแยงและการจะไปทำให้การจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เป็นสิ่งที่จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะผลเลือกตั้งออกมาแล้วว่าประชาชนมากกว่า 70% เลือกฝั่งประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเลือกก้าวไกล เลือกเรา หรือเลือกพรรคอื่นๆ แต่เป็นความชัดเจนแล้วว่าเลือกประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ จึงเป็นข้อบ่งชี้และต้องระมัดระวังในการร่วมรัฐบาลนี้อย่างสูงยิ่ง จะเรียกสินสอดทองหมั้นหรือจะพูดแสดงความเห็นมากก็ไม่ได้ ต้องระมัดระวังอย่างมากจริงๆ”
ด้านแพทองธารให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมงานนี้ว่า แน่นอนว่าวันนี้จะต้องมีการพูดคุยประชุมกัน เพื่อจะได้รู้ว่าสเต็ปต่อไปเราต้องทำอะไรบ้าง ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคและทีมงานที่ได้ไปร่วมเซ็น MOU จะได้เล่าเหตุการณ์ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล เพื่อให้ทุกคนได้รับทราบ เพราะการสื่อสารภายในพรรคเป็นสิ่งสำคัญ และตนอยากจะมาสื่อสารด้วยตนเอง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามกรณี เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นเรื่องร้องเรียนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ยุบพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลหลังเซ็น MOU ร่วมกัน แพทองธารกล่าวว่า เขาจะยุบพรรคการเมืองหรือ ก็ให้เขาว่าไป
ส่วนกระแสมินต์ช็อกและลิปสติกฟีเวอร์จนคนต้องซื้อตามนั้น แพทองธารกล่าวว่า ทุกคนลองหรือยังปรากฏการณ์มินต์ช็อก และยอมรับว่ากระแสเกินคาดมาก แต่ตนมั่นใจว่ามินต์ช็อกที่นี่อร่อย รวมถึงกระแสลิปสติกที่มีคนแห่ซื้อตามนั้นยอมรับว่าตนใช้ลิปสติกแบรนด์นั้นจริง และไม่ได้มีสปอนเซอร์แต่อย่างใด พร้อมพูดติดตลกว่า “ไม่ได้รับรีวิวสินค้านะคะ”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดถึงเกิดกระแสฟีเวอร์ในช่วงนี้ แพทองธารกล่าวว่า อาจเป็นเพราะการเมืองหนักๆ มาช่วงหนึ่ง พอมีเรื่องสนุกสนานเฮฮาจึงทำให้ใครหลายคนเข้ามาสนใจเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แพทองธารได้พาบุตรสาวคนโตเข้ามาที่ทำการพรรคเพื่อไทย เรียกเสียงฮือฮาและรอยยิ้มจากบรรดาแฟนคลับที่มารอรับ นอกจากนี้วันนี้แพทองธารได้ลองชิมเมนูใหม่คือ มัทฉะลาเต้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมนูยอดนิยม
ด้านเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่มีพรรคใดหรือมีใครติดต่อเข้ามาเรื่องตำแหน่งทางการเมือง และเป็นมารยาท เพราะตนเองได้ทวีตและพูดไปแล้วว่าต้องให้เกียรติพรรคที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และตนเองไม่ได้มีเบอร์ของคนในพรรคก้าวไกล และไม่ได้หวังว่าพรรคก้าวไกลจะติดต่อมา ซึ่งเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องจัดตั้งรัฐบาลอย่างสง่างาม
วันนี้ได้มาประชุมกับผู้สมัคร ส.ส. 500 คน พูดคุยว่าขั้นตอนต่อไปจะทำอย่างไร ซึ่งทางพรรคเองก็ได้ทำนามบัตรให้ เพื่อเวลาไปไหนจะได้มีหัวกระดาษที่ชัดเจน ซึ่งในนามบัตรไม่ได้ระบุตำแหน่งนั้น เพราะว่าตนเองไม่ได้เรียกร้องตำแหน่งอะไร ไปไหนก็จะมีนามบัตรยื่นให้ เบอร์โทรและสถานที่ทำงานที่สามารถติดต่อนัดหมายได้ เพราะ 30 ปีที่ผ่านมามีนามบัตรตลอด และวันนี้ชัดเจนว่าทำงานที่พรรคเพื่อไทย เพื่อมาดูการรีแบรนด์พรรคและการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ยืนยันว่าไม่ได้ไปไหนและจะอยู่กับที่นี่ และตนเองยินดีทำงานทุกอย่างตามที่พรรคมอบหมาย
ส่วนประเด็นที่พรรคก้าวไกลพยายามรวมเสียงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อจัดตั้งรัฐบาลนั้น เศรษฐาปฏิเสธตอบคำถาม แต่ให้ไปดูที่ทวิตเตอร์ของตน และบอกว่าตอนนี้ตนเองโฟกัสที่พรรคเพื่อไทย ส่วนจะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่กำลังจัดตั้งกันอยู่ ก็เป็นกำลังใจ และคิดว่าทุกคนต้องซัพพอร์ตเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้เร็วที่สุด
