วันนี้ (7 มกราคม) ที่โรงพยาบาลจตุรพักตรพิมาน อ.จตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ พร้อมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย สส. พรรคเพื่อไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม. ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ติดตามความคืบหน้าการดำเนินนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่
โดยคณะได้ตรวจเยี่ยมดูระบบการตรวจสอบประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์, การออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล, ใบสั่งยา/ใบสั่งแล็ปออนไลน์, การแพทย์ทางไกล, เภสัชกรรมทางไกล, การนัดหมายออนไลน์ และระบบส่งยาและเวชภัณฑ์ที่บ้าน รวมถึงระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์
บัตรประชาชน คือบัตรประกันสุขภาพ
นพ.ชลน่านกล่าวว่า รัฐให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพทั้งระบบ เพื่อยกระดับและเปลี่ยนแปลงจาก 30 บาทรักษาทุกโรค เป็น 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ถือเป็นโอกาสของเราที่เทคโนโลยีพัฒนา ต่างจากอดีตที่มีข้อจำกัดทั้งเทคโนโลยีและการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ประชาชนก็ให้โอกาสพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ ผู้ป่วยสามารถเลือกรับยาที่บ้าน หรือร้านขายยาใกล้บ้านได้ เพราะขณะนี้เรามี อสม.ไรเดอร์ หรือ Health Rider จัดส่งยาถึงบ้านผู้ป่วย
นพ.ชลน่านกล่าวว่า นโยบายดังกล่าวถือเป็นนโยบายที่ต้องเร่งรัดให้เกิดภายใน 100 วัน วันนี้ถือเป็นโอกาสที่เราจะขับเคลื่อน ปิดช่องว่างลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ยกระดับการบริการทุกมิติโดยเฉพาะการบริการปฐมภูมิ
“พี่น้องไม่ต้องไปทำบัตรประกันสุขภาพ เพียงแต่ถือบัตรประชาชน ก็ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ว่ามีหลักประกันในการที่จะดูแลสุขภาพได้ เพราะบัตรประชาชนคือบัตรประกันสุขภาพของท่าน” นพ.ชลน่านกล่าว
นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า ส่วนการขยายนโยบายในเฟส 2 นั้น ภายในเดือนมีนาคมนี้ จะครอบคลุมพื้นที่อีก 8 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์, นครสวรรค์, สิงห์บุรี, สระแก้ว, หนองบัวลำภู, นครราชสีมา, อำนาจเจริญ และพังงา และภายในสิ้นปีจะขยายให้ครอบคลุมสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวได้ทั้งประเทศ
22 ปี 30 บาทรักษาทุกโรค ถึงเวลาอัปเกรด
ด้านแพทองธารกล่าวว่า 30 บาทรักษาทุกโรค ทำมา 22 ปีแล้ว ถึงเวลาที่จะอัปเกรดเพื่อให้เกิดความสะดวกกับพี่น้องประชาชน ตนรู้สึกดีใจที่ได้เห็นความก้าวหน้าของโครงการ ขอบคุณคนที่ผลักดันโครงการนี้เมื่อ 22 ปีที่แล้ว ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ทำได้และจะทำให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
นายกฯ เปิดโครงการเย็นนี้
ก่อนที่เริ่มคิกออฟโครงการอย่างเป็นทางการในช่วงเย็นวันนี้ ซึ่งจะมี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดโครงการ ณ ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวด 101 นำร่องพร้อมกันในอีก 3 จังหวัด คือ แพร่, เพชรบุรี และนราธิวาส รองรับการให้บริการประชาชนครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศ
ยกระดับ ‘30 บาทพลัส’ บัตรประชาชนใบเดียวใช้ได้ทุกที่
สำหรับการยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติครั้งนี้ ถูกยกระดับเป็น ‘30 บาทรักษาทุกที่’ หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘30 บาทพลัส’ ที่ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลทุกเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนได้โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว เนื่องจากสามารถเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และที่สำคัญยังสามารถเข้ารับการรักษามะเร็งได้ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การฉีดวัคซีน การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม หากตรวจพบก็จะถูกส่งต่อเข้ารับการรักษาต่อไป
นอกจากนี้ ยังเข้าถึงบริการในเขตเมือง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเชิญเอกชนเข้ามาร่วมให้บริการมากขึ้น ทั้งร้านยา คลินิกทันตกรรม คลินิกกายภาพบำบัด นับเป็นการลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข และอำนวยความสะดวกในการรับบริการของประชาชนอย่างแท้จริง