วันนี้ (2 พฤษภาคม) ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย และ ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขต 20 ลาดกระบัง (ยกเว้นแขวงลำปลาทิว) พรรคเพื่อไทย แถลงการจัดงาน ‘แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง : จาก ‘การเดินทาง’ สู่การสร้างมหานครเพื่อคนไทย’ ที่จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม ตั้งแต่เวลา 15.30 น. ณ ลานพาร์คพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
ประเสริฐกล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวเพื่อปักธงนโยบายคมนาคมของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะเป็นนโยบายยกระดับชีวิตคนเมือง จากกรุงเทพมหานคร พื้นที่ปริมณฑล สู่การกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจในระดับประเทศ พรรคเพื่อไทยจึงจัดงานดังกล่าวขึ้น โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ ‘ภารกิจ’ และ ‘งานเสวนา’ กิจกรรมนี้เป็นการจัดงานครั้งใหญ่อีกหนึ่งครั้งก่อนปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายของพรรคเพื่อไทยจะจัดขึ้น เพื่อสื่อสารกับคนเมือง คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยเฉพาะ
ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญของพรรคเพื่อไทยที่มีนโยบายคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน ผ่านการเข้าใจและเข้าถึงพื้นที่จริงของผู้สมัคร ส.ส. ทุกเขต
ด้านธีรรัตน์กล่าวว่ากิจกรรมมี 2 ส่วน ดังนี้
- ส่วนของ ‘ภารกิจ’ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ทั้ง 33 คน 33 เขต ต้องเดินทางจากบ้านหรือพื้นที่ทำงานของตัวเองมายังลานพาร์คพารากอน เขตปทุมวัน เพื่อเข้าร่วมงานเสวนาให้ได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง 29 นาที โดยจะมีการถ่ายทอดสดการเดินทางของผู้เข้าร่วมตลอดเวลาการเดินทาง ย้ำว่าผู้สมัคร ส.ส. กทม. ทั้ง 33 คน จะเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเท่านั้น
- การพูดคุยถึงปัญหาการเดินทางของเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร เมืองที่คนจากหลากหลายพื้นที่เดินทางเข้ามาทำงาน ใช้ชีวิต และสร้างเนื้อสร้างตัว ว่าวันนี้ระบบขนส่งมวลชนสร้างปัญหาอะไรกับผู้คนบ้าง และพรรคเพื่อไทยจะ ‘ลดรายจ่าย’ ส่วนนี้ได้อย่างไร และนโยบายคมนาคม โดยเฉพาะ ‘นโยบาย 20 บาท ตลอดสาย’ จะแก้ปัญหาให้คนเมืองได้อย่างไร
สำหรับผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, ดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะรณรงค์หาเสียง กทม. พรรคเพื่อไทย, ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขต 20 พรรคเพื่อไทย, จิราพร สินธุไพร ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดร้อยเอ็ด เขต 5 พรรคเพื่อไทย, วิพุธ ศรีวะอุไร สมาชิกสภากรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการจราจรและขนส่ง กทม.
นอกจากนี้ธีรรัตน์ประชาสัมพันธ์งานปราศรัยใหญ่ฝั่งธนฯ ภาค กทม. ณ ลานตรงข้ามตลาดบางแค (ห้างองค์วิศิษฐ์เดิม) เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ประเสริฐยังได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียในหัวข้อ ‘จากหนูถึงพี่นิด’ โดยมีประเด็นหนึ่งพาดพิงว่าพรรคเพื่อไทยลงมติถอดกัญชาออกจากประมวลกฎหมายยาเสพติด และลงมติรับหลักการร่างกฎหมายกัญชา กัญชงนั้น ไม่เป็นความจริงและเป็นการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากในข้อเท็จจริงนั้นการปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติดเป็นอำนาจโดยตรงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งคืออนุทิน ได้ถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ประเภทที่ 5 และออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แล้วจึงค่อยนำร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เข้าสภาในวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ซึ่งในช่วงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-ธันวาคม ระยะเวลาห่างกันถึง 10 เดือนที่เกิดสุญญากาศ ซึ่งขัดต่อมติของพรรคเพื่อไทย ต้องมีกฎหมายควบคุมการใช้กัญชาก่อน ค่อยปลดล็อก และต้องใช้เพื่อการแพทย์เท่านั้น
ประเด็นต่อมา แม้จะนำเอาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เข้าสู่การพิจารณาของสภาในวาระที่ 2 ได้ แต่เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ฉบับนี้มี 45 มาตรา และ กมธ. แก้ไขจนมี 95 มาตรา ซึ่ง ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยมีข้อห่วงใยในการใช้กัญชาเป็นอย่างมาก ต้องใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น การพิจารณาลงมติในวาระที่ 2 ทั้ง 95 มาตราทำได้เพียง 18 มาตรา ก็หมดวาระของสภาผู้แทนราษฎรไปเสียก่อน
กล่าวโดยสรุปคือ ที่อนุทินกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยรับหลักการนั้นถือว่าคลาดเคลื่อน เพราะมีสมาชิกบางคนเห็นด้วยในการแก้ไขบางมาตรา และเป็นการเห็นด้วยในวาระที่ 2 เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะเป็นการเปิดศึกกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ประเสริฐย้ำว่าไม่ใช่ เป็นการชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจระเบียบกฎหมายและขั้นตอนการพิจารณาเท่านั้น อยากยืนยันกับประชาชนว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้เห็นด้วยในการปลดล็อก แต่เป็นเหตุผลในทางการพิจารณากฎหมายดังที่กล่าวไป