วันนี้ (19 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายขอเสนอปรับลดงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำนวน 1.7 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของงบประมาณทั้งหมด เนื่องจากภารกิจที่ได้ทำมาในรอบหลายปี โดยเฉพาะในปีนี้ กระทรวงล้มเหลวในการดูแลพี่น้องเกษตรกร พี่น้องประชาชน และตอนนี้ไม่พูดไม่ได้คือ เรื่องของลำไยใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนที่ราคาตกต่ำรุนแรงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถามว่ากระทรวงทำอะไรอยู่ ท่านไม่เคยที่จะไปเหลียวแลหรือมีการวางแผนรองรับล่วงหน้า ไม่มีการประสานงานกับพี่น้องเกษตรกร สุดท้ายเกิดเหตุมาแล้ว ท่านจะมานั่งแก้ไขอย่างไร และก็กลายเป็นภาระของงบประมาณในส่วนอื่นๆ
ในขณะที่กระทรวงเองซึ่งมีภาระหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงกลับไม่ดำเนินการ โดยเหตุการณ์เช่นนี้เกิดมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในรอบ 6-7 ปีที่ผ่านมา พี่น้องเกษตรกรไม่ว่าจะเป็นพืช ผัก หรือผลไม้ในหลายหลายประเภท อยู่ในภาวะที่ขาดทุนมาเกือบทุกปี แต่ทุกปีก็ยังดีที่ไม่มีสถานการณ์โควิด อย่างน้อยลูกหลานที่ไปทำงานที่กรุงเทพมหานครเขายังส่งเงินกลับไปช่วยครอบครัว 2,000-3,000 บาท แต่ขณะนี้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด กรุงเทพมหานครล็อกดาวน์ ตกงานกันถ้วนหน้า และตอนนี้ประชาชนกลับไปกองรวมกันอยู่ต่างจังหวัดหมดแล้ว โดยพี่น้องชาวเกษตรกรหวังพึ่งกับราคาพืชผลทางการเกษตร แต่สุดท้ายราคาพังไม่เป็นท่า เพราะการดูแลของภาครัฐที่บกพร่อง
ดังนั้นตนจึงขอเสนอการปรับลดงบประมาณในส่วนนี้ลง 5% ซึ่งในสิ่งที่ตนเสนอปรับลดล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องอำนวยความสะดวกของหน่วยงานราชการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมอาคารหรือสร้างอาคารใหม่ การซ่อมห้องน้ำ เรื่องรถประจำตำแหน่ง ค่าชา กาแฟ ตนขอปรับลดทั้งหมด 1.7 พันล้านบาท เพราะท่านไม่มีความเหมาะสม ไม่สมควรที่จะได้รับความสะดวกสบายเหล่านั้น ถ้าท่านยังทำภารกิจที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชนบกพร่องอยู่
โดยวาระที่หนึ่ง ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่ผ่านมา มั่นใจว่ามีเพื่อนสมาชิกไม่ต่ำกว่า 50-100 คน ได้อภิปรายในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าเราจะแก้ไขปัญหาชีวิต ปัญหาความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรได้อย่างไร
จากนั้นได้ฝากภารกิจไปยังกรรมาธิการงบประมาณ เพื่อไปถามหน่วยงานว่าจะดูแลพี่น้องประชาชนเกษตรกรให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้อย่างไร
ซึ่งเมื่อเข้าสู่การพิจารณางบประมาณในวาระที่ 2 วันนี้ ร่างรายงานไม่มีการปรับลดในนัยที่สำคัญเลย ไม่เห็นว่ามีการปรับลดงบประมาณในครั้งนี้จะสามารถทำให้อนาคตของพี่น้องเกษตรกรมีอนาคตที่ดีขึ้นได้อย่างไร ตนจึงจำเป็นต้องมาเสนอปรับลดเพิ่มเติมอีก 5% เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่า ตราบใดที่ท่านยังไม่สามารถทำภารกิจที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลพี่น้องเกษตรกรได้ดี ท่านก็ไม่สมควรได้รับงบประมาณในส่วนนี้ และปีหน้าขอให้สำนักงบประมาณตัดลดงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลง 20-30% เพื่อนำไปช่วยเหลือในการเยียวยาเกษตรกรจะดีกว่าที่จะนำมานั่งจัดอบรม สัมมนา หรือซื้อรถประจำตำแหน่ง การทำอาคารใหม่ที่ไม่เกิดประโยชน์โดยตรงกับพี่น้องเกษตรกรอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
วันนี้พี่น้องชาวเกษตรกรอยู่ไม่ได้จริงๆ จึงฝากไปยังกรรมาธิการงบประมาณว่าการปรับลดของท่านไม่เพียงพอ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรได้
