วันนี้ (2 กรกฎาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรค เพื่อไทย แสดงความคิดเห็นกรณี ชาญ พวงเพ็ชร์ หลังได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี แต่มีคดีอยู่ระหว่างถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดคดีทุจริตและศาลประทับรับฟ้องแล้ว ซึ่งตามกฎหมายต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะตอนที่ ป.ป.ช. ร้อง ชาญไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่
ส่วนความเห็นกฤษฎีกาที่บอกว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ เป็นความคิดเห็นทางกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติ ชาญจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ต้องให้ศาลเป็นคนสั่ง ไม่ใช่เป็นไปตามอัตโนมัติตามที่กังวลใจกันอยู่ ตอนนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ ชาญยังมีสิทธิ์ เนื่องจากตอนมาสมัครก็ไม่ได้ขาดคุณสมบัติอะไร ดังนั้นเรื่องนี้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย และปัจจุบันก็ไม่มีข้อบังคับใดมาห้าม
“วันนี้เป็นแค่การประทับรับฟ้อง และเป็นกระบวนการให้มีสิทธิ์ต่อสู้ เรื่องนี้ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยมอง แต่ทางกฎหมายเป็นแบบนั้น”
ภูมิธรรมกล่าวว่า ความเห็นของกฤษฎีกาเกิดขึ้นในยุคสมัยหนึ่ง และไม่ครบถ้วน เพราะชาญไม่ได้อยู่ในวิสัยที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากตอนนั้นไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ไม่ได้บอกว่าขาดคุณสมบัติ เพราะยังไม่ถูกตัดสินว่าผิด เราอย่าไปวินิจฉัยแทน เราก็เชื่อใจในความบริสุทธิ์ของทุกคนตราบใดที่ยังไม่ถูกตัดสิน
ยันตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว
ขณะที่ สรวงศ์ เทียนทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดสระแก้ว ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีของชาญ เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น เป็นกรณีทั่วไป คดีดังกล่าวอยู่ในอำนาจศาล ควรให้ศาลเป็นผู้สั่ง หากกระทรวงมหาดไทยสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นคำสั่งทางปกครอง ผู้ถูกคำสั่งสามารถฟ้องร้องไปยังศาลปกครองได้
สำหรับกรณีก่อนหน้านี้ของชาญ ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยได้มีการตรวจสอบข้อมูลเรื่องดังกล่าวแล้ว มีความเห็นว่าเรื่องนี้ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ฟ้อง ในขณะที่ศาลประทับรับฟ้อง ชาญไม่มีตำแหน่งหน้าที่ จึงไม่มีกรณีที่ต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาล ถ้าจะต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ป.ป.ช. ที่เป็นโจทก์ต้องยื่นคำร้องต่อศาล
สรวงศ์กล่าวอีกว่า การให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ไม่มีบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.วิธีพิจารณาของศาลอาญาทุจริต เพียงแต่เขียนไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. เท่านั้น และเป็นดุลพินิจของศาล ดังนั้นกรณีนี้ไม่ใช่เป็นการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ จากนี้เป็นหน้าที่ของ กกต. เพราะได้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้รับสมัครจนเสร็จสิ้นกระบวนการเลือกตั้ง ชาญได้คะแนนมาเป็นลำดับที่ 1 และในท้ายที่สุด กกต. ได้รับรองชาญให้เป็นนายก อบจ.ปทุมธานีแล้ว