บรรยากาศที่พรรคพลังประชารัฐยังคงสร้างความคึกคักอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ (21 พ.ย.) ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค และ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค ได้นำคนรุ่นใหม่ 30 คนสมัครสมาชิกพรรค อาทิ นายไกรเสริม โตทับเที่ยง ผู้บริหารธุรกิจด้านอาหาร นายจักรวี วิสุทธิผล ทายาทธุรกิจประกันภัย
โดยชูจุดเด่น สด ใหม่ ไร้นามสกุลทายาท เป็นกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ มีทักษะและประสบการณ์การบริหารจัดการ เข้าถึงเทคโนโลยี มีความมุ่งมั่นตั้งใจ พร้อมนำความรู้ความสามารถมาเป็นประโยชน์พัฒนาประเทศชาติ
นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า สำหรับคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้มาจากหลากหลายอาชีพ ร่วมกว่า 80 คน แต่วันนี้มาเพียงบางส่วน ล้วนมีประสบการณ์ เป็นผู้บริหาร มีอุดมการณ์ที่ชัดเจนที่จะทำงานการเมือง และบางส่วนสนใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.
เมื่อถามว่าคนรุ่นใหม่ของพรรคต่างจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรคอื่นอย่างไร นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ทุกพรรคต้องขายความเป็นคนรุ่นใหม่ ประชาชนอยากได้การเมืองแบบใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ได้นักการเมืองใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ มาแก้ปัญหาของประเทศ นักการเมืองรุ่นใหม่ต้องมีพื้นที่แสดงความเห็น ซึ่งพรรคเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมร่างนโยบาย กำหนดแนวทางการทำงานได้
นักข่าวถามต่อว่า หลังจากที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดทางให้พรรคการเมืองเข้ามาพูดคุยหากต้องการเสนอชื่อเป็นนายกฯ พรรค พปชร. พร้อมเข้าไปพูดคุยหรือไม่
นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า พปชร. เป็นพรรคใหม่ ต้องให้ผู้บริหารและสมาชิกได้คุยกันก่อนว่าแนวทางการเมืองจะเป็นแบบใด และใครเหมาะสมนำพาประเทศไปในอนาคต ต้องขึ้นอยู่กับผู้บริหาร สมาชิก และเป็นมติพรรค
ด้าน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคเปิดเผยว่า คนรุ่นใหม่กลุ่มนี้บางส่วนต้องการลง ส.ส. กทม. จากนี้ทางพรรคจะคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. ตามขั้นตอนต่อไป โดยจะดูความเหมาะสมของตัวบุคคลและพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ กทม. มีการแข่งขันกันสูงจากเจ้าของพื้นที่เดิม ดังนั้น พปชร. จึงต้องทำงานหนัก ทั้งการลงพื้นที่พบปะประชาชน และต้องวิเคราะห์แต่ละพื้นที่ กทม. ว่ามีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร
“ผมตั้งเป้าตัวเลข ส.ส. แต่ไม่ท้าทายผู้สมัครเดิมที่เป็นเจ้าถิ่น ถ้าได้ 5-6 ที่นั่งก็พอใจ แต่ถ้าได้ 15 ที่นั่งก็จะดีกว่า ยอมรับว่ากังวลในพื้นที่ชั้นใน เพราะประชาธิปัตย์มีฐานเสียงที่แข็งมาก อีกทั้งยังชนะในสัดส่วนที่สูงด้วยคะแนน 2-3 หมื่นคะแนน ดังนั้น พื้นที่ที่เหมาะสมที่จะต่อสู้คือพื้นที่ กทม. ชั้นนอก เราได้คนที่เคยอยู่กับพรรคเพื่อไทยมาร่วมงาน รวมถึงคนที่เคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งทำงานเกาะติดกับพื้นที่มาโดยตลอด” นายณัฐพล กล่าว
นายณัฐพลกล่าวด้วยว่า ตนและนายพุทธิพงษ์อยากจะลงสมัคร ส.ส. ในเขตเดิมที่เคยได้รับเลือก แต่ต้องพิจารณาตัวผู้สมัครของคู่แข่งว่าจะเป็นใคร และต้องรอให้พรรคพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง หากไม่ได้ลงสมัครก็จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้ผู้สมัคร ส่วน นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. จะไม่ได้ลงสมัคร ส.ส. เขตในนามพรรค เนื่องจากไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค และติดการปฏิบัติหน้าที่รองผู้ว่าฯ กทม.
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
