วันนี้ (15 มิถุนายน) พรรคเพื่อไทยจัดงาน ‘ครอบครัวเพื่อไทย ต้อนรับ ‘เขา’ กลับบ้าน’ โดย แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้กล่าวต้อนรับ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เพื่อนำทัพทำกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยว่า ตลอดเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ที่เปิดตัวกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมทางการเมืองที่ออกแบบมาเพื่อลดข้อกำหนดทางกฎหมาย ให้ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองได้อย่างแท้จริง และที่ผ่านมาครอบครัวเพื่อไทยทำงานอย่างหนักในการลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตาม ครอบครัวเพื่อไทยจำเป็นต้องพัฒนาปรับปรุงการทำงานของตัวเองเพื่อทำให้ครอบครัวเพื่อไทยนั้นแข็งแรงกว่าเดิมและไปถึงพี่น้องประชาชนในทุกกลุ่มได้จริง
แพทองธารกล่าวว่า วันนี้ยินดีอย่างยิ่งที่ณัฐวุฒิกลับบ้าน กลับครอบครัวเพื่อไทยเพื่อมาช่วยกันทำงาน เพราะไม่ใช่แค่เป็นที่รักของประชาชน แต่ยังเข้าใจพรรคเพื่อไทย ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องประชาชนมาตลอด ส่วนตัวยินดีและเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมงานกัน
“การที่เราประกาศเรื่องของ ‘แลนด์สไลด์’ ในหลายๆ ครั้ง ในหลายๆ ที่ที่เราไป เราต้องการให้ฝั่งประชาธิปไตยเป็นผู้ชนะ เพื่อพี่น้องจะได้พ้นจากความทุกข์ ความยากจนสักที เราเสียเวลากับเผด็จการมานานแล้ว ทำให้เราล้าหลังไปซะทุกเรื่อง ถึงเวลาแล้วที่เราจะมารวมพลังกันค่ะ และในวันนี้ดิฉันมีความเชื่อมั่นอย่างมากว่าพี่เต้นของพวกเรา ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะเป็นอีกแรงสำคัญแรงหนึ่งที่จะทำให้บ้านนี้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เพราะพี่เต้นเข้าใจพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างดี และเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชนอย่างลึกซึ้ง” แพรทองธารกล่าว
ด้าน ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงการเข้ารับภารกิจผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยว่า ขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงได้เดินทางมาเป็นเวลา 10 กว่าปี แม้ถูกเหยียดหยาม แต่ก็ยังยืนยันจุดยืนคนเท่ากัน และประเทศนี้ต้องการประชาธิปไตยที่ประชาชนทุกคนจะมีอำนาจในการปกครองประเทศอย่างแท้จริง
“ผมคนนี้จะอย่างไร เมื่อไร ในสถานการณ์ไหน ก็เป็นคนเสื้อแดง แต่เมื่อมายืนอยู่บนเวทีนี้กับบทบาทหน้าที่นี้ ขอให้เข้าใจว่าเวทีนี้คือเวทีครอบครัวเพื่อไทย ที่จะเดินหน้าคู่ขนานไปกับพรรคเพื่อไทย เพื่อต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง ช่วงชิงอำนาจจากรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการ ซึ่งไม่ใช่ภารกิจเฉพาะของสมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือครอบครัวเพื่อไทย หรือเฉพาะแต่เพียงคนเสื้อแดงเท่านั้น เราต้องเปิดประตูทุกบานและหัวใจทุกห้อง ยื่นมือออกไปสุดแขน เหยียดออกไปทุกมุมของสังคมไทยที่หมายรวมถึงคนไทยทุกคน อันเป็นพันธะสัญญาที่เราจะยืนยันร่วมกันว่าไม่มีเวลาให้รัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการชุดนี้่อีกต่อไป และประเทศนี้ไม่เหลืออะไรให้รัฐบาลประยุทธ์จะกัดกินอีกต่อไป”
.
ณัฐวุฒิกล่าวว่า ตลอดเวลา 10 กว่าปีที่เป็นนักการเมืองสังกัดมาแล้วหลายพรรค แต่ละพรรคที่สังกัดและเปลี่ยนแปลงไม่ใช่โยกย้ายด้วยการขายอุดมการณ์ แต่มีเหตุต้องเดินทาง เพราะอำนาจเผด็จการและกติกาฉ้อฉลยุบพรรค แต่ตลอดเวลาที่อยู่กับพรรคเพื่อไทย มีทั้งวันชื่นและคืนทุกข์ อย่างไรก็ตาม ที่นี่ก็คือบ้านที่ได้เกิดและเติบโต มีเพื่อนพี่น้องที่ต่อสู้ร่วมกันมา และมีชะตากรรมที่เจ็บปวดร่วมกันกับประชาชน
“ผมอยู่ในประวัติศาสตร์เหล่านั้นร่วมกับพรรคเพื่อไทย ดังนั้นการเดินกลับมาที่นี่ ภาพจำจึงเป็นไปด้วยความหลังและความหวังของอนาคตที่เราจะต้องสร้างด้วยกัน และนี่เป็นเหตุผลโดยส่วนตัวที่กลับมาที่นี่ เพราะที่นี่คือบ้าน”
ณัฐวุฒิกล่าวว่า สำหรับเหตุผลโดยส่วนรวมคือเรามีภารกิจร่วมกัน สำหรับคนไทยทั้งประเทศคือต้องเอาชนะรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการชุดนี้ หยุดความเพ้อฝันของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตรงนี้ และคืนความหวัง ความฝันที่เป็นจริงให้ประชาชน ให้คนไทยมีรัฐบาลที่มีความสามารถ มีประสบการณ์และสามารถทำได้จริง
ณัฐวุฒิกล่าวว่า การชนะเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในสถานการณ์ภายใต้กติกาอัปยศนี้ ดังนั้นในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง เราจำเป็นที่จะต้องมีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งในฝ่ายประชาธิปไตยคว้าชัยชนะให้ได้อย่างเด็ดขาด ให้ได้คะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งของสภา แลนด์สไลด์ให้เผด็จการไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพื่อให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประชาชนมีฉันทามติเลือกพรรคการเมืองหนึ่งแลนด์สไลด์ทั้งประเทศ และเมื่อถึงวันนั้น ส.ว. ที่มีโอกาสลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี ก็จะถูกเรียกร้องให้เคารพเสียงของประชาชนและต้องตัดสินใจตามเสียงของประชาชน
“ผมเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าถ้าจะมีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งได้คะแนนเสียงเกินครึ่งแบบแลนด์สไลด์ นั่นคือพรรคเพื่อไทย ผมเททั้งหัวใจเพื่อภารกิจนี้ และจะทำสุดความสามารถ เพื่อชัยชนะของพรรคเพื่อไทย และจะทุ่มเททุกความคิด ทุกกำลังความรู้ความสามารถ ทุกเม็ดเหงื่อเพื่อภารกิจผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย จนกว่าชัยชนะจะเป็นของประชาชน” ณัฐวุฒิกล่าว