Pfizer บริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐฯ และหนึ่งในผู้ผลิตพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในขณะนี้ เปิดเผยว่ามีกำหนดเข้าพบและหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทางรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในวันจันทร์นี้ (12 กรกฎาคม) เพื่อหารือถึงความจำเป็นในการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 เพื่อป้องกันไวรัสโควิด
โดยความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ทางผู้บริหารและทีมวิจัยของ Pfizer มีการเปิดเผยรายงานการศึกษาถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่พบว่า การฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ภายใน 12 เดือนหลังได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว อาจจะมีความจำเป็น
ทั้งนี้ ดร.มิคาเอล ดอลสเตน กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ผลการศึกษาพบว่า คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 มีภูมิคุ้มกันร่างกายเพิ่มขึ้น 5-10 เท่า เมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้า ทำให้เป็นหลักฐานที่เชื่อได้ว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 มีความจำเป็น
อย่างไรก็ตาม ดร.แอนโธนี เฟาชี ที่ปรึกษาอาวุโสด้านสาธารณสุขแห่งทำเนียบขาว แสดงความเห็นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (11 กรกฎาคม) ว่าไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 และไม่คิดว่าการออกมาค้านความคิดของ Pfizer ในเรื่องดังกล่าวของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐฯ (CDC) กับ FDA เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นสิ่งที่ถูกต้องสมควรในห้วงเวลานี้ เพราะผลการศึกษาและคลินิกและข้อมูลจากห้องแล็บปฏิบัติการยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่จะยืนยันได้ว่า การฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสจากทั้ง Pfizer และ Moderna หรือวัคซีน 1 โดสของ Johnson & Johnson จะมีความจำเป็นจริงๆ
ความเห็นข้างต้นของ ดร.เฟาชี ได้รับเสียงสนับสนุนจาก ดร.อาชิช ญะฮา คณบดีคณะสาธารณสุขแห่งมหาวิทยาลัยบราวน์ ซึ่งออกมาแสดงความเห็นระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ดร.ญะฮา กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กับทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ระบุว่า ข้อมูลผลการทดสอบขณะนี้ได้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ถ้าได้รับการฉีดวัคซีนของ Pfizer หรือ Moderna ครบ 2 โดส หรือวัคซีนของ Johnson & Johnson ครบ 1 โดส ผู้ที่ได้รับการฉีดก็จะมีภูมิคุ้มกันในระดับที่สูงพอต่อการป้องกันไวรัสโควิดทุกสายพันธุ์ รวมถึงสายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดอย่างหนักอยู่ในเวลานี้ ดังนั้น ในมุมมองของตนเอง ดร.ญะฮา มองว่าไม่หลักฐานถึงความจำเป็นที่จะต้องฉีดเข็มที่ 3
อ้างอิง: