วันนี้ (27 ธันวาคม) บรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร วันแรก ที่ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง เป็นไปอย่างคึกคัก
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้นำทีมผู้สมัคร สส. กทม. ทั้ง 33 เขต เดินทางออกจากอาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ ด้วยรถเมล์พลังงานไฟฟ้าแบบร้อนสีส้ม ซึ่งสกรีนข้อความรณรงค์เลือกตั้ง เลือกอนาคต เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่สถานที่รับสมัคร
ณัฐพงษ์ เปิดเผยถึงความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ตนและผู้สมัครทุกคนมีความมั่นใจและกำลังใจเต็มเปี่ยม โดยผู้สมัครทั้ง 33 เขต ผ่านกระบวนการคัดสรรมาอย่างเข้มข้น และยืนยันว่าไม่มีใครเกี่ยวข้องกับเครือข่ายทุนสีเทาหรืออาชญากรรมข้ามชาติ ภารกิจสำคัญในการเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้ จึงเป็นการตัดสินอนาคตของประเทศ เพื่อขจัดอิทธิพลสีเทาและสร้างความเท่าเทียมในสังคมไทย
“พรรคประชาชนจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในทั้ง 33 เขต เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจและทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นสีส้มทั้งจังหวัด อย่างไรก็ตาม เราไม่ประมาทและไม่เคยดูถูกเสียงของประชาชน เพราะไม่มีพรรคการเมืองใดเป็นเจ้าของคะแนนเสียง โดยได้กำชับให้ผู้สมัครทุกคนใช้เวลาที่เหลืออยู่ลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนัก” ณัฐพงษ์ กล่าว
ในส่วนของผลงานที่ผ่านมา ณัฐพงษ์ประเมินการทำงานของ สส. กทม. พรรคประชาชน ว่าให้คะแนนเกิน 10 คะแนน เนื่องจากได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้จะทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน แต่ก็สามารถผลักดันกฎหมายและขับเคลื่อนสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม สำหรับนโยบายหลักในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคจะมุ่งเน้นการแก้ปัญหาเร่งด่วน การขจัดธุรกิจสีเทา ปัญหาความมั่นคงชายแดน ภัยคุกคามรูปแบบใหม่อย่างอาชญากรรมไซเบอร์ (Cyber Crime) รวมถึงการบริหารจัดการภัยพิบัติและแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ไทยกำลังเติบโตรั้งท้ายอาเซียน
ณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงยุทธศาสตร์ของพรรคว่า กระแสความนิยมที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ได้มาจากโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการทำงานหนักในระดับพื้นที่ของผู้สมัครทุกคน พร้อมยืนยันว่าพรรคประชาชนไม่ใช่พรรคของ “บ้านใหญ่” และไม่มีหนี้บุญคุณกับกลุ่มทุน โดยเตรียมจะเปิดตัวทีมบริหารมืออาชีพที่จะเข้ามาเป็นกลไกหลักในการแก้ไขปัญหาประเทศเร็วๆ นี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังในการบริหารงาน
สำหรับประเด็นการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร สส. กทม. จำนวน 10 คน รวมถึงกรณีของ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ที่ย้ายไปลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อนั้น ณัฐพงษ์ชี้แจงว่า เป็นการบริหารความเสี่ยงและจัดวางบุคลากรที่เหมาะสม ซึ่งผู้สมัครหน้าใหม่ล้วนมีความรู้ความสามารถ และเป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กัน ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่อุปสรรค แต่กลับเป็นการเพิ่มทางเลือกที่มีคุณภาพให้กับคนกรุงเทพฯ ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศทวงคืนพื้นที่นั้น ตนไม่รู้สึกกังวล เพราะมั่นใจในการทำงานของทีมงานพรรคประชาชน
ทั้งนี้ ณัฐพงษ์ระบุทิ้งท้ายว่า วันนี้ไม่ได้ถือฤกษ์ยามใดเป็นพิเศษ เพราะมองว่าทุกวินาทีมีค่าสำหรับการทำงานเพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่น โดยบรรยากาศก่อนเข้าสมัครเป็นไปอย่างราบรื่นและมีมิตรภาพทางการเมือง เมื่อขบวนของพรรคประชาชนสวนทางกับรถแห่ของพรรคเพื่อไทย ได้มีกองเชียร์ฝ่ายตรงข้ามตะโกนให้กำลังใจ ถือเป็นสีสันที่ดีของการเลือกตั้งในครั้งนี้
