วันนี้ (18 ธันวาคม) เครือข่ายอดีตกลุ่มพันธมิตร และคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นำมวลชนเดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นหนังสือกรณีที่ ป.ป.ช. รับพิจารณาข้อกล่าวหา สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, พล.ต.ท. ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขัง ทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ เพื่อให้เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว
พิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) อ่านข้อเสนอเพื่อประกอบการพิจารณา ดังนี้
ข้อ 1 คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำ พบว่ามีพยานเป็นบุคคลชัดเจนเข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมหรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจหรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพิธีการทั้งหมดขัดต่อขั้นตอนของกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่า ป.ป.ช. จะขอความร่วมมือไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช. จึงต้องเร่งไต่สวน
ข้อ 2 คดีให้อยู่บ้าน พักโทษ โดยมติการให้พักโทษ ซึ่งอ้างว่านักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง, เดิน, ขึ้นบันได, อาบน้ำ, แต่งตัว, รับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ, ขึ้นปราศรัย, ร่วมงานเลี้ยง, ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่าการพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง ดังนั้นจึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของ ป.ป.ช. ด้วย
ข้อ 3 เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่าหลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบและเกณฑ์การตรวจสอบที่เคร่งครัด ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอนโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา
ข้อ 4 เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมาสร้างเงิน, สร้างพวก, สร้างสื่อ, สร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ จนเสียหายไปกว่าแสนล้านบาท และหัวหน้ากระบวนการก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษกลับหลีกเลี่ยง แสดงตนเข้าครอบงำพรรค, ผลักดันนโยบายทุจริต, สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้ง และล่าสุดยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย ถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ
พิชิตกล่าวย้ำว่า นี่คือหายนะที่เห็นได้อย่างชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ป.ป.ช. ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง
ขณะเดียวกัน ทางกลุ่มจะยื่นให้ตรวจสอบบุคคลเพิ่มเติม ทั้ง พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยเหลือทักษิณ
ประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวยืนยันว่า ที่มาวันนี้ไม่ได้ต้องการกวักมือให้ใครยึดอำนาจ หรือตีงูให้กากิน หรืออยากได้ตำแหน่งแห่งหนอะไร เพราะทุกคนก็แก่กันหมดแล้ว แต่เป็นสำนึกในการเป็นพลเมืองที่ไม่ควรสยบยอมให้ใครคนใดคนหนึ่งกดข่มกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรให้ใครลอยตัวอยู่เหนือโทษทัณฑ์
จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำกลุ่ม นปช. ระบุว่า มาให้กำลังใจ ป.ป.ช. เพราะมีความไม่สบายใจในอนาคต และท่านทราบดี เพราะคดีของทักษิณ ป.ป.ช. เป็นผู้ชี้มูลเอง วันนี้เรามาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน 12 คนนี้ ใครไม่ผิดคือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาทำให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ยอมรับว่า เรื่องการไต่สวนวันนี้ยังไม่ไว้ใจจนกว่าท่านจะพิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้วและทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ถึงวันนั้นตนและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้ง
จตุพรยังระบุอีกว่า ขณะนี้เป็นที่ประจักษ์ว่าทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช. ไม่ต้องการเห็นขนมจีน กรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ขอเวชระเบียนจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ไม่ได้ล้วงความลับผู้ป่วย ซึ่งการจะอ้างว่าเป็นความลับ ป.ป.ช. สามารถขอเรื่องการทำหน้าที่ว่าได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่ หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้เวชระเบียน ป.ป.ช. ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โรงพยาบาลตำรวจ แม้กระทั่งผู้บังคับบัญชาของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคือนายกรัฐมนตรี
สาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งคณะกรรมการไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้แล้ว และมีมติชัดเจนว่า หากพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมกระทำความผิดก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้นไม่ต้องกังวล เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามความคาดหวังของประชาชน ขอยืนยันว่า ป.ป.ช. ทำงานตามพยานหลักฐานเป็นหลัก ทำให้บางเรื่องบางอย่างอาจไม่ตรงตามใจของประชาชน แต่การพิจารณาของเราต้องดูพยานหลักฐาน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ไต่สวน จะรวบรวมมาพิจารณา เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และพร้อมเป็นเสาหลักในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป