ถึง ‘ปาล์มน้ำมัน’ จะถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่เดียวกับ 1 ใน 5 พืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย แต่ระยะหลังมานี้ ปัญหาที่เหล่าเกษตรกรไทยต้องเผชิญมาตลอดคือความผันผวนด้านราคาและวิกฤต ‘ราคาตกต่ำ’ ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากการที่พวกมันถูกผลิตจนมีปริมาณล้นตลาด เกินความต้องการ รวมถึงการที่หลายๆ ประเทศเริ่มลดปริมาณการนำเข้าปาล์มลง
หนึ่งในทางออกที่นำไปสู่การแก้ปัญหาปาล์มน้ำมันราคาตกต่ำได้ คือการต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับพวกมัน ด้วยการแปรรูปไปเป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นๆ ที่ต่างออกไป
ล่าสุดวันนี้ (27 มกราคม) บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมพลังงานของไทย ได้เปิดตัวนวัตกรรมการผลิตต้นแบบ ‘สารเปลี่ยนสถานะ’ หรือ PCM (Phase Change Material) จากน้ำมันปาล์ม เพื่อต่อยอดมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร และช่วยเหลือเกษตรกรไทยจากปัญหาราคาปาล์มตกต่ำที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
PCM กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์นวัตกรรมยอดนิยมที่เริ่มถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในสองอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ การก่อสร้างและสิ่งทอ โดยจุดเด่นของมันคือความสามารถในการกักเก็บพลังงาน ช่วยรักษาอุณหภูมิให้คงที่ที่ค่าใดค่าหนึ่งตามแต่สูตรการผลิต ด้วยการดูดซับและปลดปล่อย นอกจากนี้อีกความต่างของ PCM ของ EA ที่โดดเด่นจากผู้ผลิตเจ้าอื่นๆ คือการผลิตขึ้นจากปาล์มซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ไม่ใช่ฟอสซิล
นอกจากนี้ EA ยังเปิดตัวแอปพลิเคชัน ‘ปาล์มยั่งยืน’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ใช้บันทึกข้อมูล และตรวจสอบการซื้อขายปาล์มให้เกิดความโปร่งใส ตัดช่องทางการนำเข้าปาล์มเถื่อนมาขาย และปันผลประโยชน์ตอบแทนให้กับเกษตรกร และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตอย่างยั่งยืน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
อมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การต่อยอดปาล์มน้ำมันไปสู่ PCM และแพลตฟอร์มปาล์มยั่งยืน จะช่วยให้เกษตรกรและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรสามารถทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง ทั้งยังเป็นการต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญของประเทศได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี อมร เชื่อว่าในระยะยาว EA หรือผู้ประกอบการในธุรกิจพลังงานก็จะต้องหาผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่จะมาช่วยทำให้ราคาปาล์มเกิดเสถียรภาพ ไม่ต่ำหรือสูงเกินไป และต่อจากนี้อาจจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทยอยเปิดตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเป้าหมายในปีนี้ EA ตั้งเป้าจะผลิต PCM จากโรงงานของพวกเขาในจังหวัดระยองให้ได้วันละ 130 ตันในช่วงไตรมาส 2 และคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มในปีนี้ที่ราว 800 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 3% จากรายได้ทั้งหมดของบริษัทในปัจจุบัน โดยมีแผนส่งออกไปยังเยอรมนีและญี่ปุ่น
ขณะที่อีก 5 ปีต่อจากนี้ ทาง EA ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องผลิต PCM ให้ได้วันละ 1,000 ตัน ซึ่งน่าจะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้ไม่ต่ำกว่า 24,000 ล้านบาท (ราคา 80 บาทต่อกิโลกรัม) ในปี 2025
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
