วันนี้ (27 ตุลาคม) อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่าระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมของทุกปี ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว มีอุณหภูมิต่ำลง ทำให้ฝุ่นละอองไม่สามารถกระจายตัว จึงทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 และฝุ่นละอองขนาดใหญ่ หรือ PM10 โดยเฉพาะพื้นที่ในเมืองอย่างกรุงเทพมหานคร และ 17 จังหวัดของภาคเหนือที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
ในส่วนของกรมควบคุมมลพิษมีแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งหลายหน่วยงานนำแผนไปปฏิบัติและปรับปรุงการดำเนินงานให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการควบคุมปริมาณและจำกัดการใช้รถขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล สร้างความเข้าใจให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดำเนินชีวิตไม่ให้ฝุ่นละออง PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ผ่านคณะทำงานสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ในการหารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมด้านการจราจรและท่องเที่ยวเข้ามามีส่วนร่วมช่วยลดค่า PM2.5
สำหรับมาตรการป้องกันในพื้นที่ต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคเหนือ รัฐบาลได้พัฒนาแอปพลิเคชันจัดระเบียบการเผาหรือจองเบิร์น เข้าคิวการเผา เพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่นของการเผาที่ก่อผลกระทบต่อ PM2.5 และ PM10 เป็นการจัดระเบียบการเผาในพื้นที่เกษตร การเผาป่า และการเผาในที่โล่ง ควบคู่กับมาตรการบริหารจัดการเชื้อเพลิงก่อนถึงฤดูกาลหรือชิงเผา เพื่อลดปริมาณเชื้อเพลิงในพื้นที่ไหม้ซ้ำซาก และเมื่อถึงช่วงที่เกิดไฟป่า ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในระดับจังหวัดจะเข้ามาทำงานร่วมกับภาคประชาชน
นอกจากนี้ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. ยังได้ดำเนินโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า เพื่อช่วยสนับสนุนท้องถิ่นชุมชนให้มีความพร้อมเผชิญปัญหาไฟป่า ป้องกันไฟป่า และดับไฟป่าได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนสถานการณ์ปัจจุบันเริ่มพบค่าปริมาณฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยผลการตรวจของวันนี้จาก Air4Thai พบว่าพื้นที่ริมถนนพระราม 3 เจริญกรุง เขตบางคอแหลม มีปริมาณฝุ่น PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานถึง 52 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่หลายพื้นที่มีคุณภาพอากาศระดับปานกลางและอยู่ในระดับอากาศที่ดี
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: