จากกรณีที่ นายศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาป้องกันและจัดการภัยพิบัติ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโลหะหนักในฝุ่นละออง PM2.5 ที่วัดได้ในชั้นบรรยากาศทั่ว กทม. มีประเด็นที่ 1. ผลวิจัยเป็นเวลา 1 ปี พบธาตุทางเคมีที่เป็นโลหะหนัก ซึ่งเป็นธาตุก่อมะเร็งปะปนอยู่ในอากาศระดับต้องเฝ้าระวังอยู่ถึง 3 ชนิดคือ สารหนู ซีลีเนียม และแคดเมียม
โดยกลุ่มธาตุพวกนี้เกิดจากการเผาไหม้ของอุตสาหกรรมและยานพาหนะ และ 2. คณะวิจัยฯ ได้เก็บค่าระดับความเข้มข้นของโลหะหนักในฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 จากสถานีตรวจวัดฝุ่นละอองที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นระยะเวลา 2 ปี พบธาตุโลหะหนักเพิ่มอีก 2 ชนิดคือ ทังสเตน และแคดเมียม โดยธาตุ 2 ชนิดนี้พบในส่วนผสมของโลหะดิสก์เบรกยานยนต์ เพราะปริมาณโลหะหนักที่ปนเปื้อนในอากาศตอนนี้ทั้งหมดมีฤทธิ์ก่อมะเร็งในร่างกายได้ หากสะสมไว้ปริมาณมาก
ทางกรมควบคุมมลพิษได้ออกเอกสารชี้แจงดังนี้
ปริมาณฝุ่น รวมทั้งองค์ประกอบของฝุ่นจะมีความแตกต่างกันตามฤดูกาลและกิจกรรมในบริเวณใกล้เคียง การวิเคราะห์องค์ประกอบของฝุ่นสามารถใช้เพื่อศึกษาแหล่งกำเนิดของฝุ่นได้ เช่น โพแทสเซียม (K) เป็นองค์ประกอบจากแหล่งกำเนิดการเผาไม้ (Wood Burning), สังกะสี (Zn) เป็นองค์ประกอบจากแหล่งกำเนิดการเผามูลฝอย, โซเดียม (Na) เป็นองค์ประกอบของฝุ่นละอองจากทะเล, นิกเกิล (Ni) เป็นองค์ประกอบจากแหล่งกำเนิดการเผาไหม้น้ำมัน (Oil Burning), อะลูมิเนียม (Al) เหล็ก (Fe) แมงกานีส (Mn) แคลเซียม (Ca) เป็นองค์ประกอบของฝุ่นในเมือง หรือฝุ่นฟุ้งกระจายจากถนน และสารหนู (As) แคดเมียม (Cd) เป็นองค์ประกอบของฝุ่นจากอุตสาหกรรม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บุคคลมีความแตกต่างกันอย่างมากในหลายประการ เช่น ความแข็งแรงของร่างกาย โรคประจำตัว อุปนิสัย เป็นต้น การพิจารณาผลกระทบจากปริมาณฝุ่นและองค์ประกอบทางเคมีของฝุ่นที่บุคคลได้รับในประเด็นนี้ จึงต้องมีการพิจารณาประเด็นต่างๆ อย่างรอบคอบ
ปัจจุบันหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ได้มีการกำหนดค่ามาตรฐานสำหรับองค์ประกอบทางเคมีของฝุ่นบางชนิดเป็นค่ามาตรฐานแล้ว เช่น ตะกั่ว มีแหล่งกำเนิดหลักเป็นองค์ประกอบในน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับประเทศไทยได้กำหนดค่ามาตรฐานของตะกั่ว ซึ่งเป็นองค์ประกอบของฝุ่นมาตั้งแต่ปี 2538 (ค่ามาตรฐานตะกั่วในบรรยากาศ เฉลี่ย 1 เดือน ไม่เกิน 1.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
นอกจากนี้ คพ. มีโครงการความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น ด้านการจัดการคุณภาพอากาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในการดำเนินงานตามกรอบความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย และกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกิจกรรมสำคัญได้แก่ การจัดทำบัญชีการระบายฝุ่นละอองขนาดเล็ก การวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีและแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง และการพัฒนานโยบายมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองสำหรับประเทศไทย โดยมีระยะเวลาดำเนินการอย่างน้อย 2 ปี (2561-2563)
ทั้งนี้ ผลการศึกษาของโครงการความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น รวมทั้งโครงการความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้กำหนดให้มีการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีต่าง ๆ เช่น ซัลเฟต (SO42-), ไนเตรท (NO3-), คลอไรด์ (Cl-), แอมโมเนียม (NH4+), โซเดียม (Na+), แมกนีเซียม (Mg2+), โพแทสเซียม (K+), แคลเซียม (Ca2+) รวมทั้งองค์ประกอบฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 กลุ่มโลหะหนัก ได้แก่ อะลูมิเนียม (Al), สารหนู (As), แบเรียม (Ba), โบรมีน (Br), โคบอลต์ (Co), โครเมียม (Cr), ทองแดง (Cu), เหล็ก (Fe), นิกเกิล (Ni), ตะกั่ว (Pb), ซีลีเนียม (Se), ซิลิคอน (Si), พลวง (Sb), ไทเทเนียม (Ti), เทลลูเรียม (Te), วาเนเดียม (V) และสังกะสี (Zn) เป็นต้น สำหรับการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีที่ไม่สามารถดำเนินการในประเทศไทยได้ เช่น ปริมาณธาตุคาร์บอน (Elemental Carbon) ปริมาณอินทรีย์คาร์บอน (Organic Carbon) นั้น ได้รับความอนุเคราะห์จาก Asia Center for Air Pollution Research ภายใต้กระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นเป็นผู้ดำเนินการ คาดว่าจะมีการนำเสนอผลการศึกษาดังกล่าวในการสัมมนาครั้งที่ 3 ในเดือนเมษายน 2562
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า