หุ้น บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น หรือ PCC ปิดการซื้อขายวันแรกต่ำกว่าราคาจอง 14.50% ลดลงมากกว่าตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลง 0.09% ขณะที่โบรกเกอร์ 5 ราย ให้ราคาเป้าหมายสูงสุดเพียง 4.80 บาท ซึ่งมีอัปไซด์เพียง 20% จากราคา IPO
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น หรือ PCC ที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้ (21 ตุลาคม) เป็นวันแรก ราคาหุ้นปิดการซื้อขายที่ 3.42 บาทต่อหุ้น ลดลง 0.58 บาท หรือลดลง 14.50% จากราคาที่เสนอขายหุ้น IPO 4 บาทต่อหุ้น โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 2,314 ล้านบาท โดยในช่วงเช้าก่อนเปิดตลาด ราคาหุ้น Pre Open หลุดราคาจองลงไปแตะ 3.90 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดรายชื่อ ‘10 บลจ. ของไทย’ ควักเงินจองซื้อหุ้น IPO ‘เบทาโกร’ หรือ BTG วงเงินรวมกันกว่า 3.63 พันล้านบาท
- อัปเดต 7 หุ้น พอร์ต เซียนฮง สถาพร งามเรืองพงศ์ มูลค่า 6.14 พันล้านบาท
- 10 หุ้น ขึ้น XD จ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบเดือน ก.ย. 65
สำหรับปัจจัยพื้นฐาน บทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งส่วนใหญ่ประเมินราคาเป้าหมายปี 2566 ของหุ้น PCC ไว้ที่ 4.70 บาท จนถึง 4.80 บาท ซึ่งหากเทียบกับราคาจองซื้อ IPO ที่ 4 บาทต่อหุ้น นับว่ามีช่องว่างอัปไซด์ของราคาหุ้นให้กับนักลงทุนแค่เพียง 20% เท่านั้น
โดย บล.กสิกรไทย ระบุว่า กำไรสุทธิของ PCC จะเติบโตขึ้น 38%, 38%, และ 10% ในปี 2565-2567 ตามลำดับ หรือมี CAGR ที่ 28% โดยกำไรที่เติบโตแข็งแกร่งในปี 2565 เพราะโตจากฐานที่ต่ำซึ่งเป็นผลจากวิกฤตโควิดเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่รายได้ อัตรากำไรขั้นต้น และสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลงจากการประหยัดต่อขนาดที่ดีขึ้น จะช่วยผลักดันการเติบโตของกำไรในปี 2566-2567 ซึ่งให้ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 4.70 บาทต่อหุ้น
ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ประเมินแนวโน้มผลประกอบการในปี 2565-2566 คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 343 ล้านบาท และ 393 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ 69% และ 15% ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้า (PEM) ตลอดจนการเปลี่ยนเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตให้เป็นเครื่องจักรอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสูง โดยประเมินมูลค่าหุ้นปี 2566 ที่ 4.80 บาท ซึ่งมาจากการประเมินมูลค่าหุ้นด้วย P/E Ratio เทียบกับบริษัทใกล้เคียงในตลาด
บล.เอเอสแอล ประเมินรายได้รวมปี 2565-2568 เท่ากับ 4.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.8% จากปีก่อน 5.1 พันล้านบาท โต 9.0% จากปีก่อน, 5.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% จากปีก่อน และ 5.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% จากปีก่อน ตามลําดับ โดยขยายตัวเฉลี่ยต่อปีแบบ CAGR ที่ 7.6%
ส่วนกําไรสุทธิคาดการณ์ 262 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.2% จากปีก่อน, 361 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.9%, 419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.2% จากปีก่อน และ 469 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% จากปีก่อนตามลําดับ ขยายตัวเฉลี่ยต่อปีแบบ CAGR ที่ 21.4% และประเมินมูลค่าที่เหมาะสมสิ้นปี 2566 เท่ากับ 4.77 บาทต่อหุ้น
ด้าน บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุว่า PCC จะมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 25.4% CAGR ในปี 2563-2566 เพิ่มขึ้นจากโครงการในอนาคตที่การไฟฟ้ามีแผนจะปรับโครงข่ายระบบไฟฟ้าทั่วประเทศ โดยบริษัทมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก เนื่องจากเป็นเพียง 1 ใน 6 เจ้าที่ได้รับการรับรองจากการไฟฟ้าให้ผ่านการคัดกรองให้เข้าทำการประมูลงานส่วนใหญ่ได้ ซึ่งประเมินมูลค่าของ PCC โดยอิง Forward P/E ในปี 2565 ที่ 15.8 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของอุตสาหกรรม จะได้ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 4.76 บาท
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรสุทธิปี 2565-2526 ที่ 305 ล้านบาท และ 385 ล้านบาท ตามลำดับ หรือเติบโต 38% CAGR 21-23 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งมอบงานได้มากขึ้น และประมูลงานเพิ่มเติมได้หลังจากผ่านช่วงโควิด โดยทำให้ผลประกอบการสะดุดลงหนุนรายได้รวมในปี 2565-2566 ที่ 4.6 พันล้านบาท และ 4.8 พันล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 15% CAGR 21-23 ในขณะที่ราคาเหมาะสมปี 2566 ประเมินที่ 4.70 บาท
