วันนี้ (21 กรกฎาคม) สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ (20 กรกฎาคม) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบอนุมัติวงเงินงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 1.35 หมื่นล้านบาท เพื่อเยียวยากลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบโควิดที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จากเดิม 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ใน 9 ประเภทกิจการ ได้แก่ กิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรงบริการด้านอาหาร กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ สาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร
สุชาติกล่าวต่อไปว่า ผู้ประกันตนมาตรา 33 นอกจากได้รับชดเชยเหตุสุดวิสัย 50% แล้ว ผู้ประกันตนที่มีสัญชาติไทยจะได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลเพิ่มเติมเป็นเงินอีกคนละ 2,500 บาท โดยโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น ส่วนนายจ้างจะได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลตามจำนวนลูกจ้าง หัวละ 3,000 บาท สูงสุดลูกจ้างไม่เกิน 200 คน โดยนายจ้างบุคคลธรรมดาจะได้รับเงินโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเช่นกัน นายจ้างสถานะนิติบุคคลจะโอนเข้าบัญชีธนาคารตามชื่อนิติบุคคลนายจ้าง
“ท่านนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกกลุ่ม รวมทั้งนายจ้างผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด จึงได้ออกมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งมติ ครม. ดังกล่าวจะทำให้กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการในพื้นที่ 10 จังหวัดได้รับการเยียวยา นายจ้างประมาณ 160,000 ราย เป็นเงิน 6.4 พันล้านบาท ส่วนลูกจ้างมีจำนวน 2.8 ล้านราย เป็นเงิน 7.1 พันล้านบาท โดยลูกจ้างและนายจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดาสามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ทางเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมเป็นต้นไป ทั้งนี้ คาดว่าลูกจ้างและนายจ้างในพื้นที่ 10 จังหวัดจะได้รับเงินเยียวยาในวันที่ 6 สิงหาคมนี้” สุชาติกล่าว
ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ที่ประชุม ครม. ยังเห็นชอบการขยายขอบเขตมาตรการบรรเทาผลกระทบ และให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ให้ครอบคลุมพื้นที่จากเดิม 10 จังหวัด เป็น 13 จังหวัด เพิ่มเติมจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา โดยยังคงกลุ่มลูกจ้างและผู้ประกอบการใน 9 กลุ่มกิจการที่ได้รับผลกระทบ อัตราการจ่ายและวิธีการจ่ายเงินเช่นเดิม เป็นระยะเวลา 1 เดือน