ผ่านมานานกว่า 50 ปีแล้วที่วงดนตรีแห่งยุค 60 ที่ทุกคนหลงรักอย่าง The Beatles ประกาศข่าวสะเทือนวงการเพลงที่ทำเอาแฟนคลับใจสลายว่าพวกเขาจะยุบวงและแยกย้ายกันไปทำงานเดี่ยวของตัวเอง
เบื้องหลังสาเหตุในการตัดสินใจสลายตัวทั้งที่อยู่ในจุดพีกของวงนั้นก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ หลายคนกล่าวว่าอาจเป็นเพราะ Yoko Ono คนรักของ John Lennon ที่เข้ามามีบทบาทในวงมากเกินไป และก็มีอีกหลายทฤษฎีที่ว่ากันว่าเป็นเพราะ Paul McCartney เจ้ากี้เจ้าการกับสมาชิกวงมากเกินไปจนเพื่อนๆ ทนไม่ไหว
แต่ล่าสุด Paul McCartney ก็ได้ออกมาเฉลยผ่านรายการ This Cultural Life แล้วว่าต้นเหตุของการยุบวงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นการตัดสินใจของ John Lennon ผู้ล่วงลับแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น โดยวันหนึ่ง John เดินเข้ามาในห้องและประกาศง่ายๆ ว่า “ฉันจะออกจากวง The Beatles” และนั่นคือจุดสิ้นสุดของวงร็อกที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล
“ไม่ใช่ผมที่สนับสนุนการแยกวงเลย แต่มันคือ John ของเราต่างหาก นั่นมันคือวงของผม งานของผม และมันคือทั้งชีวิตของผมด้วย ผมต้องการให้มันไปต่ออยู่แล้ว”
Paul เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้ John ตัดสินใจแบบนั้นเป็นเพราะเขากำลังสร้างชีวิตใหม่กับ Yoko Ono และเขายังต้องการจะหยุดพักจากการเข้าสังคมอีกด้วย
“John อยากจะซ่อนตัวและเอนหลังบนเตียงอย่างสงบในอัมสเตอร์ดัมสักหนึ่งสัปดาห์ และใครจะเถียงเขาได้ล่ะ”
ในตอนนั้นสำหรับหลายคนแล้ว Paul กลายเป็นผู้รับผิดชอบการยุบวงไปโดยปริยาย เพราะเขาเป็นคนประกาศข่าวร้ายเรื่องนี้คนแรกหลังผู้จัดการวงขอให้ทุกคนปิดปากเงียบเอาไว้ก่อน
“หลายเดือนเลยที่เราต้องแกล้งทำต่อไป มันประหลาดมาก เพราะเรารู้ว่ามันจบแล้ว แต่มันไม่สามารถจะหยุดไปเลยเฉยๆ ได้”
นอกจากนั้นสิ่งที่ทำให้ 4 สมาชิกปวดใจมากที่สุดคือขั้นตอนของการยุบวง ที่พวกเขาต้องมาประชุมกันเพื่อเซ็นเอกสารต่างๆ ซึ่งก็กินเวลาหลายเดือน “ช่วงเวลานั้นเราต้องประชุมกันอยู่หลายรอบและมันแย่มาก เพราะมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราเคยเป็น พวกเราเป็นนักดนตรีไม่ใช่พวกนักธุรกิจ”
ภาพ: Michael Ochs Archives / Getty Images
อ้างอิง: