วันนี้ (5 มิถุนายน) สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ติดตามพร้อมเป็นประธานในพิธีเปิดการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ผู้ต้องขังที่เรือนจำพิเศษพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดตามมาตรการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ระบาดในเรือนจำ โดยมีว่าที่ ร.ต. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ นริศ นิรามัยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เข้าร่วมงานด้วย
โดยสมศักดิ์ได้นำเข็มฉีดยาฉีดเข้าไปที่หุ่นเชื้อไวรัสจำลอง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพิธีเปิด พร้อมกล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมมีความต้องการให้ผู้ต้องขังในเรือนจำกลุ่มเปราะบาง เช่น ในเรือนจำพิเศษพัทยา ซึ่งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวคือจังหวัดชลบุรี ต้องปลอดโควิด-19 จึงเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีนทั่วประเทศในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ ซึ่งขอขอบคุณกระทรวงสาธารณสุขที่ทยอยส่งวัคซีนเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ขณะที่คลัสเตอร์ในเรือนจำที่มีผู้ต้องขังติดโควิด-19 เป็นจำนวนมากนั้น ตนมั่นใจว่าหลังจากได้รับวัคซีน ยอดผู้ติดเชื้อจะลดลง และจากการดูแลรักษาพร้อมกับตัวเลขที่รายงานในแต่ละวัน อย่างเช่น วันนี้ประมาณ 300 กว่าคนเท่านั้น
ขณะที่การบริหารจัดการวัคซีนแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดพื้นที่สีแดง แต่เป็นเรือนจำสีขาว คือยังไม่มีผู้ติดเชื้อประมาณ 38 เรือนจำ จำเป็นต้องใช้วัคซีนจำนวนพอสมควร จึงประสานขอวัคซีนกับกรมควบคุมโรคแล้ว ซึ่งพร้อมทยอยส่งให้เร็วๆ นี้ โดยกรมราชทัณฑ์ต้องมีมาตรการป้องกันและเตรียมความพร้อมอย่างเข้มงวดในการฉีด
สมศักดิ์กล่าวอีกว่า ตนได้อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรถึงจุดอ่อนของการป้องกันโควิด-19 ในเรือนจำ ซึ่งเกิดขึ้นจากความแออัดที่ยังไม่ได้มาตรฐานในการเว้นระยะห่าง 1.2 ตารางเมตรต่อคน ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเร่งฉีดวัคซีน โดยขอให้มั่นใจว่าในคลัสเตอร์เรือนจำต่อจากนี้จะไม่มีการติดทีเดียวมากๆ อีก เพราะได้มีการบริหารจัดการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขอย่างสม่ำเสมอ จึงอยากให้ญาติของผู้ต้องขังทั้งหลายที่มีอยู่กว่ากว่า 3.1 ล้านคน มั่นใจได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงญาติพี่น้องที่อยู่ในเรือนจำ
ขณะที่การแก้ไขเรื่องความหนาแน่นแออัดในเรือนจำ มีแผนจะเสนอร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยปรับมาตรฐานโทษใหม่ เช่น คดีนำยาบ้าข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เดิมมีโทษขั้นต่ำจำคุก 15 ปี ให้เปลี่ยนโทษตามดุลพินิจของศาล มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ซึ่งจะทำให้มีผู้ได้รับพักโทษหรือพ้นโทษออกไปสูงถึง 30,000 คน และในส่วนนี้จะจัดให้มีงานทำในนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ซึ่งเบื้องต้นได้หารือการสร้างนิคมฯ กับทางหอการค้าแต่ละจังหวัดแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการขนส่งวัคซีนไปยังเรือนจำที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล สมศักดิ์เชื่อว่าไม่มีปัญหาในส่วนนี้ เพราะวัคซีนต้องถูกควบคุมโดยอุณหภูมิติดลบ 70 องศาเซลเซียส จึงมีการวางแผนเวลาขนส่งแบบวันต่อวัน และให้ขนส่งผ่านทางเครื่องบินเพื่อความรวดเร็วที่สุด โดยตอนนี้ยังต้องการวัคซีนอีก 6.2 แสนโดส เพื่อฉีดให้ผู้ต้องขังในพื้นที่สีแดงกว่า 3.1 แสนคน และในส่วนของเจ้าหน้าที่เรือนจำด้วย
“การฉีดวัคซีนให้ผู้ต้องขังในเรือนจำเป็นการร่วมมือกันระหว่างกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มเรือนจำสีขาว กลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน มะเร็ง และเบาหวาน เป็นต้น ขณะนี้มี 14 เรือนจำ จะทำให้เสร็จก่อนวันที่ 7 มิถุนายนนี้ ซึ่งการฉีดวัคซีนที่เรือนจำพิเศษพัทยาวันนี้มียอดทั้งหมด 480 โดส จากจำนวนผู้ต้องขัง 3,252 คน” สมศักดิ์กล่าว