เทรนด์คนรุ่นใหม่เลี้ยงน้องหมาน้องแมวมาแรงไม่หยุด! โดยเฉพาะช่วงโควิด ทำให้ ‘พัทยาฟู้ด’ ส่งแบรนด์ Regalos และ REMY ทั้งอาหารเปียกและขนม เข้าเจาะกลุ่มทาสแมว หวังชิงส่วนแบ่งตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในไทยที่เติบโตกว่า 30% ต่อปี
พร้อมตั้งเป้าขึ้นเป็นแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลกภายใน 3 ปี โดยเร็วๆ นี้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารคนเพิ่มอีก 4-5 รายการ ซึ่งหากเจาะลึกถึงอาหารสัตว์เลี้ยงที่รับความนิยมมากที่สุดคือแบบเม็ด ตามด้วยแบบเปียก และขนมขบเคี้ยว
เรียกได้ว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจมากจริงๆ แต่อีกด้านนั้นก็มีการแข่งขันที่สูงมากเช่นกัน โดยเฉพาะการกระโดดเข้ามาของรายใหญ่ๆ เริ่มตั้งแต่ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ที่หันมาทำธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์ Lifemate ทั้งอาหารแห้งและอาหารเปียก ตามด้วย บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) ที่ส่งขนมขบเคี้ยว ภายใต้แบรนด์ MOMO & FRIENDS เจาะตลาดทาสสุนัขด้วยเช่นเดียวกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เพราะ ‘สัตว์เลี้ยงคือลูก’ เหล่าทาสจึงยอมเปย์ไม่อั้นเดือนละอย่างน้อย 1,000 บาท คาดตลาดที่เกี่ยวข้องมีมูลค่า 6 หมื่นล้านในปี 2569:
- สัตว์เลี้ยงยังจำเป็นอยู่ไหม? หลังโควิดซา คนกลับเข้าออฟฟิศ ค่าใช้จ่ายพุ่งจนอยากเลิกเลี้ยงสัตว์ กระทบตลาดสัตว์เลี้ยง
- เอาใจสาวกทาสสุนัขและทาสแมว! เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เตรียมเปิดโรงภาพยนตร์ให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปดูหนังด้วยกันได้ ไตรมาส 2 นี้
วิชัย กรณปกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทพัทยาฟู้ด กล่าวว่า เราเห็นว่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมีโอกาสเติบโตอย่างมาก โดยเทรนด์นี้เกิดขึ้นหลังจากโควิดที่ผ่านมา คนทำงานอยู่บ้านและมีเวลาเลี้ยงสัตว์มากขึ้น
สำหรับแบรนด์ Regalos และ REMY วาง Positioning ต่างกัน โดยแบรนด์ Regalos มีทั้งอาหารเปียกและขนมขบเคี้ยวของแมว ส่วน REMY เป็นแบรนด์อาหารสัตว์ที่ได้ร่วมทุนกับโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ซึ่งสินค้าจะถูกพัฒนาจากนักโภชนาการของสัตวแพทย์
ยิ่งไปกว่านั้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่แต่ละครั้งเราเน้นสร้างแบรนด์เป็นหลัก ด้วยการนำอินไซต์จากกลุ่มลูกค้า ซึ่งบริษัทมีทีมเก็บรวบรวมเทรนด์ใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงในช่องทางขาย B2B เพื่อนำมาปรับตัวรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงแล้ว บริษัทยังโฟกัสกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ภายใต้ 7 แบรนด์ เช่น Nautilus, Nautilus Lite, Nautilus XTEN, มงกุฎทะเล, ซีคราวน์ และขนมขบเคี้ยวไททัน โดยทุกๆ แบรนด์จะตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่แตกต่างกันออกไป และเน้นพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกมาทำตลาดผ่านช่องทางใหม่ๆ อย่าง TikTok ที่สามารถสร้างการรับรู้ให้กับคนรุ่นใหม่ได้อย่างครอบคลุม
ทั้งนี้ หากย้อนไปในช่วง1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาซูเปอร์ฟู้ดแบรนด์ XTEN ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์มัลติเกรน โอ๊ตมีล อยู่ในเซ็กเมนต์อาหารพร้อมรับประทาน มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และทำให้เห็นว่าตลาดอาหารพร้อมรับประทานเพื่อสุขภาพเป็นอีกหนึ่งตลาดที่สร้างการเติบโตได้
ถึงกระนั้นการทำตลาดก็ไม่ง่าย จากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่กำลังชะลอตัว บวกกับต้นทุนการผลิตที่ยังปรับตัวขึ้นสูง แต่กลุ่มสินค้าอาหารกระป๋องทูน่าเราเป็นสินค้าควบคุม ไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ ทำให้บริษัทต้องปรับตัว ขยายพอร์ตสร้างแบรนด์และสินค้าใหม่ เพื่อสร้างรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น
สำหรับปี 2566 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตอยู่ที่ 8% ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ปรับลดลงเล็กน้อย เพราะปีนี้ธุรกิจเจออุปสรรครอบด้าน โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจโลก เงินเฟ้อ ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่าย เลือกเฉพาะสินค้าจำเป็น บริษัทได้ใช้โอกาสนี้หันมาพัฒนาองค์กรและพนักงานให้มีศักยภาพพร้อมรับมือกับตลาดที่จะกลับมามีสัญญาณบวกในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 ที่ผ่านมา พัทยาฟู้ด กรุ๊ป หรือ PFG มีรายได้อยู่ที่ 8,200 พันล้านบาท เติบโต 11% ต่อปี โดยมีสัดส่วนยอดขายส่งออกต่างประเทศ (OEM) อยู่ที่ 75% และยอดขายของ OBM (Original Brand) อยู่ที่ราว 25%