ย้อนกลับไปราว 6 ปีที่แล้ว ชื่อเสียงของ แพทริก ทา เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะช่างแต่งหน้าฝีมือดี เมื่อตอนที่เขาเริ่มสนิทกับนักแสดงสาวสวย เชย์ มิตเชลล์ จากแต่เดิมเขามียอดฟอลโลเวอร์ในอินสตาแกรมเพียง 6,000 คน แต่หลังจากนั้นภายในระยะเวลาไม่กี่ปี เขาก็ขึ้นแท่นเป็นช่างแต่งหน้าเซเลบริตี้ด้วยยอดฟอลโลเวอร์ที่มากถึง 1.7 ล้านคนในปัจจุบัน ลูกค้าประจำคือนักแสดง นางแบบ และเซเลบริตี้ระดับแนวหน้าของโลก ไม่ว่าจะเป็น โจน สมอลส์, จีจี้ ฮาดิด, คริสซี ทีเก็น, คิม คาร์ดาเชียน, เบลลา ฮาดิด, เคนดัล เจนเนอร์, อะรีอานา กรานเด (ซึ่งลุคเมกอัพบนปกอัลบั้ม Sweetener ของเธอก็เป็นฝีมือของเขา) และคนดังอื่นๆ อีกมากมาย
กว่าจะมีวันนี้ที่เขาประสบความสำเร็จและมีความสุขกับอาชีพที่ตัวเองรัก เชื่อไหมว่า เขาเคยไม่ชอบตัวเอง เคยเป็นเด็กขาดความมั่นใจ เพราะถูกเพื่อนๆ ในโรงเรียนแกล้งว่าเป็นเจ้าอ้วน พร้อมกับมอบฉายาที่เขาเกลียดสุดๆ อย่าง ‘Fatty Patty’ และ ‘Fatrick’ กว่าที่เขาจะก้าวข้ามอดีตที่โหดร้ายเหล่านั้น เขาทำอย่างไร และตั้งเป้าจุดหมายในชีวิตอย่างไรจนประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ THE STANDARD จะพาทุกคนไปรู้จักเขาให้มากขึ้น
เคยเป็นเด็กเศร้าคนหนึ่งที่ไม่ชอบตัวเอง
แพทริกเล่าในรายการพอดแคสต์ของ The Allure ถึงแบ็กกราวด์ของตัวเองว่า เขาเติบโตมาพร้อมกับพี่สาวที่อายุมากกว่าเขา 1 ปี ครอบครัวอาศัยอยู่ในพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ในวัยเด็กเขามีปัญหาน้ำหนักเกิน และมักจะถูกเพื่อนที่โรงเรียนรังแกและล้อเลียนอยู่เสมอ เขาจึงไม่ชอบตัวเอง กลายเป็นเด็กมีปมที่เกลียดโรงเรียน ตู้เสื้อผ้าจึงเป็นที่ซ่อนตัวในเวลาที่เขาไม่อยากพบเจอใคร แม้เหตุการณ์วัยเด็กของเขาจะฟังดูเศร้า แต่เขาก็ได้เรียนรู้ จดจำ ปรับตัว เพื่อนำพาชีวิตไปสู่แนวคิดแง่บวกที่มีครอบครัวคอยสนับสนุนและให้กำลังใจ
เปิดร้านซาลอนของตัวเองตอนอายุ 18
ก่อนจะเป็นช่างแต่งหน้าอาชีพ แพทริกเคยมีร้านซาลอนของตัวเองตอนอายุ 18 ปี เขาโน้มน้าวให้พ่อแม่ช่วยลงทุนเปิดร้านนี้ให้ แรกๆ กิจการร้านซาลอนไปได้สวย แต่ตอนหลังกลับแย่ลงจนรับมือไม่ไหว เขาถูกธนาคารฟ้องร้องจนต้องปิดกิจการไปในที่สุด ตอนนั้นเขาต้องการงาน โชคดีที่เขามีเพื่อนทำงานอยู่กับแบรนด์เครื่องสำอาง M.A.C เขาจึงได้งานที่นั่น และกลายเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตที่ทำให้ แพทริก ทา สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ผ่านฝีมือการแต่งหน้าที่บอกเลยว่า ไม่ได้ร่ำเรียนมาโดยตรง แต่การทำงานกับเครื่องสำอาง M.A.C ทำให้เขาได้พบกับลูกค้าผู้หญิงจำนวนมากในหลากหลายสีผิว การได้ฝึกมือแต่งหน้าให้กับผู้คนมากมาย ส่งผลให้ฝีมือของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว นำไปสู่โอกาสในการได้แต่งหน้าให้กับเซเลบริตี้และคนดังในเวลาต่อมา
ขึ้นแท่นเป็นช่างแต่งหน้าที่คนดังต้องการตัวมากที่สุด
อย่างที่เกริ่นไปตอนแรกว่า เขาใช้เวลาพัฒนาตัวเองเพียง 4 ปี เขาเปลี่ยนตัวเลขยอดฟอลโลเวอร์ในอินสตาแกรมของตัวเองจาก 6,000 คน เป็น 1.7 ล้านคน ผลงานการแต่งหน้าที่เป็นซิกเนเจอร์ของเขาคือ Glam Beauty Look ที่เหล่าคนดังและเซเลบริตี้ระดับโลกต่างต้องการตัวให้เขาแต่งหน้าให้ในโอกาสสำคัญ อย่างงานประกาศรางวัล ถ่ายแบบ หรือเดินพรมแดง
3-5 ชั่วโมง คือระยะเวลาปกติที่เขาใช้ในการแต่งหน้าแต่ละครั้ง หากมีลูกค้าติดต่อมา แล้วมีเวลาให้เขาไม่ถึง 3 ชั่วโมง เขาจะไม่รับงานนั้นเลย เพราะสิ่งที่เขาให้ความสำคัญที่สุดคือ การใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้งานของเขาออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด
ต่อยอดความฝันด้วยการสร้างแบรนด์ของตัวเอง
ปี 2019 แพทริกเปิดตัวแบรนด์ความงามของตัวเองชื่อ Patrick Ta Beauty ด้วยแนวคิดที่ต้องการให้ผู้หญิงรู้สึกมั่นใจและรักความสวยงามในแบบที่เป็นตัวเอง โดยคอลเล็กชันแรกของแบรนด์ตัวเอง เขาเปิดตัว 4 ชิ้นหลักๆ อย่าง Major Glow Lip Shine, Highlighting Mist, Body Oil และ Setting Fan ที่ช่วยเซตเมกอัพบนผิวหน้า ทว่า ปัจจุบันคอลเล็กชันเครื่องสำอางของเขามีไอเท็มยอดนิยม ซึ่งเป็นของใหม่เปิดตัวตามมาเพียบ โดยเฉพาะบลัชสีสวย ไฮไลต์แต่งผิวโกลวอันลือเลื่อง ลิปสติกโทนสีชมพูพีชแสนหวาน สเปรย์ไฮไลติ้งสำหรับเนรมิตผิวหรูหรามีออร่า และแปรงแต่งหน้าที่ดีไซน์ออกมาได้เรียบหรู ดูดี เหลือเกิน
ความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่ายๆ แต่ถ้าหมั่นพัฒนาตัวเอง ไม่คร่ำครวญอยู่กับความล้มเหลวที่ผ่านเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน ก็เป็นไปได้ว่า คนเราล้วนมีโอกาสที่สามารถต่อยอดความฝันของตัวเองให้เป็นจริงได้เสมอ แพทริก ทา เป็นหนึ่งในตัวอย่างของคนที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคที่เข้ามาขวางทางชีวิต ไม่ว่าเขาจะเจอกับอะไร มันอาจเป็นทั้งสิ่งที่เกลียดหรือสิ่งที่รัก แต่หากเปิดใจเรียนรู้และมุ่งไปสู่ทางเลือกที่ใจชอบ ก็มีโอกาสที่ชีวิตนี้จะได้ลิ้มรสกับสิ่งที่เรียกว่าความสุขและความสำเร็จเช่นเดียวกับที่ แพทริก ทา ได้ค้นเจอ
แพทริก ทา แต่งหน้าให้ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ในลุค Glam Beauty ซึ่งติดหนึ่งในลุคที่เขาชอบที่สุดแห่งปี 2019 ด้วย
ภาพ: Instagram @Patrickta
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
