วันนี้ (15 ตุลาคม) สมาชิกรัฐสภาถกเถียงกันต่อเนื่อง ภายหลังผลการลงมติว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใดจะเป็นร่างหลักในการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ ระหว่างร่างของพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากร่างของพรรคเพื่อไทยได้ตกไปในชั้นรับหลักการ แต่ผลลงมติออกมาว่า ร่างของพรรคภูมิใจไทยได้คะแนนมากกว่าร่างของพรรคประชาชนเพียง 5 คะแนน
โดยจอแสดงผลในห้องประชุมรัฐสภา ปรากฏเป็น 290 คะแนนเท่ากัน แต่เมื่อนับรวมผู้ลงมติด้วยวาจาแล้ว ร่างของพรรคภูมิใจไทยได้คะแนนเสียง 297 เสียง ขณะที่ร่างของพรรคประชาชนได้รับคะแนนเสียง 292 เสียง
หลังจากนั้นได้มีตัวแทนจากพรรคการเมือง และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลุกขึ้นมาเพื่อขอให้ประธานสภาฯ เปิดให้สมาชิกรัฐสภาลงมติอีกครั้ง ซึ่งในบางช่วงได้ยินเสียงร้องโห่ดังขึ้นในห้องประชุม ทำให้ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ประธานในที่ประชุม ระบุว่า อาจจะมีการเริ่มนับคะแนนใหม่ ซึ่งต้องเป็นการนับแบบขานชื่อ
ต่อมา กรวีร์ ปริศนานันทกุล สส. อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นถามว่า การนับคะแนนใหม่ ต้องเป็นเพียงการนำคะแนนที่ลงมติไปแล้วมานับใหม่ ไม่ใช่เป็นการลงมติใหม่อีกครั้ง และขอเสนอญัตติให้ไม่ต้องมีการนับคะแนนอีก
ขณะที่ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเห็นด้วยกับการลงคะแนนใหม่ ระบุว่า เนื่องจากต้องการเห็นความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะคะแนนที่ลงในครั้งแรกห่างกันไม่มาก ทำให้ประธานในที่ประชุมได้เริ่มต้นลงคะแนนใหม่แบบขานชื่อทันที
ทั้งนี้ ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 58 ระบุว่า เมื่อมีการออกเสียงลงคะแนน ถ้าสมาชิกรัฐสภาร้องขอให้มีการนับใหม่ โดยมีผู้รับรองไม่น้อยกว่าสี่สิบคน ก็ให้มีการนับคะแนนเสียงใหม่ และให้เปลี่ยนวิธีการลงคะแนนเป็นวิธีลงคะแนนอย่างเปิดเผย เว้นแต่คะแนนเสียงมีความต่างกันเกินกว่า 30 คะแนน จะขอให้มีการนับคะแนน เสียงใหม่มิได้