×

พริษฐ์ย้ำจุดยืนพรรคประชาชน ตรวจสอบ ครม. อนุทิน 1 ด้วยมาตรฐานเดียวกับรัฐบาลที่ผ่านมา

โดย THE STANDARD TEAM
19.09.2025
  • LOADING...

วันนี้ (19 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวแสดงความเห็นโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ที่มีอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยระบุว่า บทบาทของพรรคประชาชนทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งเวทีแรกที่เป็นเวทีสำคัญในการตรวจสอบรัฐบาลเฉพาะกิจชุดนี้ คือเวทีการอภิปรายเรื่องคำแถลงนโยบาย โดยทางพรรคประชาชนมีการตั้งทีม และเตรียมผู้อภิปรายในระดับหนึ่งแล้ว แบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ ได้แก่

 

1. การตรวจสอบและติดตามการรักษาสัญญา ตามเงื่อนไข MOA และตรวจสอบกรอบเวลาการทำงานของรัฐบาลตามเงื่อนไข 4 เดือน รวมถึงรายละเอียดแก้ไขรัฐธรรมนูญ

 

2. เดินหน้าตรวจสอบประเด็นที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ทั้งกรณีฮั้วเลือก สว. และที่ดินเขากระโดง ซึ่งขณะนี้มีทีมที่ถูกตั้งขึ้นมานำโดย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้รวบรวมข้อมูลและเตรียมอภิปรายในเรื่องดังกล่าว

 

3. ตรวจสอบนโยบายเฉพาะหน้า ที่คิดว่ารัฐบาลชุดนี้จะผลักดัน ทำให้คุณภาพชีวิตและปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น ทั้งเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างโครงการคนละครึ่งที่มีการแย้มออกมาจะมีเงื่อนไขอย่างไรที่จะสามารถเพิ่มการบริโภคได้จริง ไม่ใช่เป็นการย้ายการบริโภค จากร้านค้าที่อยู่นอกโครงการมาอยู่ในโครงการเท่านั้น รวมไปถึงการป้องกันไม่ให้มีการใช้งบประมาณปี 2569 เพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง หรือตนเอง ที่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและประชาชน

 

และ 4. ตรวจสอบความเหมาะสมของรายชื่อ ครม. ที่ประกาศมา และเมื่อดูจากรายชื่อแล้วก็เป็นไปตามโผ ซึ่งมีทั้งรายชื่อใหม่ที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น กรณีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นอดีตตำรวจในจังหวัดบุรีรัมย์ อยู่ในทีมหรือภายใต้การบังคับบัญชาของอดีตตำรวจท่านหนึ่งที่เป็นสว. อยู่ และถูกตั้งคำถามคดีฮั้วเลือก สว. อยู่ และมีหลายรายชื่อที่เป็นชื่อเดิม เป็นรัฐมนตรีตั้งแต่สมัย เศรษฐา ทวีสิน และ แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เรายังคงตั้งคำถามถึงความเหมาะสมเรื่องคุณสมบัติ และศักยภาพในการทำงาน

 

สำหรับนโยบายเกี่ยวกับกัญชา พริษฐ์กล่าวว่า เป็นเรื่องในหมวดหมู่ที่ 2 ที่สังคมตั้งข้อครหา นอกจากเรื่องเขากระโดงกับฮั้วสว. แล้ว ก็คงจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่สังคมตั้งคำถามถึงท่าทีของพรรคภูมิใจไทยเช่นกัน ทั้งจุดยืนเรื่องนโยบายกัญชาและคดีการเมือง ซึ่งภายหลังจากอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี หลายคนมีความกังวลเพราะจะเห็นว่า มีประชาชนหรือนักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้รับการประกันตัว รวมถึงการดำเนินคดีและจำคุกที่มีโทษสูง 10-20 ปี เป็นหลายประเด็นที่ต้องจับตาดูว่าท่าทีของรัฐบาลใหม่จะเป็นเช่นไร

 

ปัดให้คะแนน ครม. ชุดใหม่ ใช้มาตรฐานเดียวกับรัฐบาลก่อนหน้า

 

ขณะที่จะให้คะแนน ครม. ชุดใหม่เท่าไรนั้น พริษฐ์กล่าวว่า เจอคำถามนี้ในฐานะ สส. ฝ่ายค้าน ตั้งแต่สมัยรัฐบาลเศรษฐาและแพทองธาร จึงขอใช้มาตรฐานเดิมคือไม่ให้ตัวเลข เพราะท้ายที่สุดคนที่ให้ตัวเลขได้ดีที่สุดคือประชาชน พร้อมย้ำว่าต้องตรวจสอบนโยบายในระยะเวลา 4 เดือนว่า จะมีนโยบายแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ตรงจุดหรือไม่ และมีหลายรายชื่อที่เราตั้งคำถามถึงความเหมาะสมอยู่ และหากเป็นรายชื่อของบุคคลเหล่านั้น ก็ให้คะแนนเท่ากัน ประชาชนคิดว่าควรให้คะแนนแบบไหนในสมัยก่อน ในเวลานี้ก็น่าจะเป็นคะแนนพอๆ กัน

 

อย่างไรก็ตาม พริษฐ์ชี้ว่า MOA ไม่ได้พูดถึงเรื่องของรายละเอียด ครม. เพราะเราทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่ยืนยันว่าการทำหน้าที่ตรวจสอบ ครม. อนุทิน จะไม่น้อยไปกว่าครม. ชุดก่อน กลไกที่ผ่านมาเราใช้กลไกของสภา ในการตรวจสอบทั้งการตั้งกระทู้ถามสด การยื่นญัตติด่วนด้วยวาจา หรือกลไกกรรมาธิการ ไปจนถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้นเรายังคงใช้มาตรฐานเดิมในการตรวจสอบการทำหน้าที่ครม.อนุทิน

 

“ไม่ได้อุ้มใครอยู่ทั้งนั้น และความจริงแล้วผมอยากชวนให้คิดว่าเราทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเหมือนเดิม สิ่งที่ต่างไปจากเดิมคือครม. ของอนุทินมีเสียงในสภาน้อยกว่า ครม. ชุดก่อน ดังนั้น หากพรรคฝ่ายค้าน แม้จะมีความเห็นที่ต่างกันในบางประเด็น แต่ถ้าจุดที่เรามีร่วมกันในการตรวจสอบรัฐบาล จะทำให้ฝ่ายค้านมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการตรวจสอบ ครม.อนุทินมากกว่าที่เราเคยมีใน ครม.ชุดก่อนด้วยซ้ำ”

 

ชวนเพื่อไทยผนึกกำลังฝ่ายค้านเป็นเอกภาพ

 

นอกจากนี้ พริษฐ์ยังตั้งข้อสังเกตว่า ในสภาฯ มีการพิจารณากฎหมายหลายฉบับในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มาจากพรรคประชาชน หรือพรรคอื่น ที่ไม่ได้อยู่ในรัฐบาลในเวลานี้เยอะเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากการที่เรามีรัฐบาลเสียงข้างน้อย ลองจินตนาการหาก ครม. เสนอกฎหมายอะไรมา แล้วพรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทยไม่เห็นชอบ กฎหมายก็จะผ่านไม่ได้

 

“ผมเข้าใจในความรู้สึกของพรรคเพื่อไทยว่าอาจจะมีคำถามหรือมีความเห็นต่างกับพรรคประชาชนในบางประเด็น แต่ก็อยากจะเชิญชวนด้วยความจริงใจว่าอะไรที่เห็นตรงกัน ให้มาร่วมกันตรวจสอบจะทำให้ฝ่ายค้านมีพลัง” พริษฐ์กล่าว

 

สำหรับความกังวลว่าจะมีการเพิ่มเสียงจากรัฐบาลเสียงข้างน้อยไปเป็นเสียงข้างมากหรือไม่นั้น พริษฐ์ระบุว่า ลองเอาคณิตศาสตร์มากางกันดู ถ้าพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยสามารถรักษาความเป็นเอกภาพของ สส. พรรคตนเองได้ เอาแค่สองพรรครวมกันเป็น 280 เสียง หรือหากบวกพรรคประชาชาติอีก 10 เสียง ได้ประมาณ 290 เสียง บวกลบคูณหารแล้วรัฐบาลรวมกันได้มากสุดแค่ 210-220 เสียง ดังนั้น ตราบใดที่พรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ของตนเอง ในการรักษาเอกภาพของ สส. ตนเองได้ เราก็ไม่มีความกังวลเรื่องรัฐบาลเสียงข้างมากจากคณิตศาสตร์ที่เป็นอยู่ในวันนี้

 

พริษฐ์ยังย้ำว่า จุดยืนของพรรคประชาชนยังเหมือนเดิม เราตรวจสอบรัฐบาลก่อนอย่างไร ก็จะตรวจสอบรัฐบาลนี้เช่นนั้น และเรื่องการใช้องค์กรอิสระในการตรวจสอบ ก็ยังเหมือนเดิม คือหากมีการกระทำใดที่เป็นการทุจริต เรามองว่าเรื่องการทุจริตเป็นเรื่องที่มีนิยามชัดเจน สามารถใช้มาตรการทางกฎหมายได้ ทั้งกลไกขององค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งก็มีการดำเนินการมาตลอด ย้อนไปตั้งแต่สมัยของพรรคก้าวไกล ในกรณีการตรวจสอบ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในสมัยรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือกรณีการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณของสภาฯ ในกรณีของ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เราก็มีการใช้กลไกองค์กรอิสระในการตรวจสอบการทุจริต

 

“แต่สิ่งที่เรามีจุดยืนแตกต่างกันออกไป คือมาตรฐานจริยธรรม เพราะเราเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างนิยามไม่เหมือนกัน และอาจนำไปสู่การใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจได้ ซึ่งเป็นจุดยืนที่เรามีมาตั้งแต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และเป็นจุดยืนเดิมที่เราจะใช้ในการตรวจสอบทุกรัฐบาล ไม่ว่าหน้าตานายกรัฐมนตรี หรือ ครม. เป็นอย่างไร” พริษฐ์กล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising