วันนี้ (28 ตุลาคม) พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงปัญหาการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ขณะนี้ ว่า เรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ตนได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อความเข้าใจและแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้กระทบแค่คนไทย แต่กระทบต่อคนทั่วโลก ดังนั้นสิ่งที่อยากเห็นตอนนี้ คือ การทำงานเชิงรุกมากขึ้นในการแก้ปัญหาเรื่องสแกมเมอร์ หากรัฐบาลเอาจริงเรื่องนี้ ก็จะเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว
1. การแก้ปัญหาที่กระทบต่อความปลอดภัยในทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนทั่วโลก 2. ถ้าเชื่อว่าแหล่งที่มาหรือรายได้ของผู้มีอิทธิพลของกัมพูชาบางส่วนมาจากสแกมเมอร์ ก็ถือว่าเป็นการทลายแหล่งรายได้ผู้นำกัมพูชา ก็จะทำให้การหาข้อยุติข้อพิพาทบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และ 3. ถ้าไทยลุกขึ้นมาชิงบทบาทในการทำเรื่องนี้ เราก็จะมีบทบาทและอิทธิพลในเวทีโลก ซึ่งเรื่องสแกมเมอร์เป็นอันดับต้นๆ ที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ และเป็นโอกาสดีที่เราจะเชิญชวนประเทศมหาอำนาจของโลกมาร่วมกันหารือ และดำเนินการเรื่องนี้ร่วมกัน
ส่วนสถานการณ์การเมืองปัจจุบันเชื่อว่าจะไม่มีการยุบสภาในปลายปีนี้ใช่หรือไม่ เพราะมีการเตรียมยื่นซักฟอกของพรรคเพื่อไทย พริษฐ์กล่าวว่า เงื่อนไขการยุบสภา 31 มกราคม 2569 เป็นการยุบสภาควบคู่กับการทำประชามติ
“เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ นั่นคือเป้าหมายที่เรามุ่งหน้าไปสู่ และคิดว่าประชาชนก็คงไม่อยากเห็นการใช้อาวุธเรื่องยุบสภาเป็นเครื่องมือในการหนีการตรวจสอบ ดังนั้น พรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้าน ในมุมหนึ่งก็อยากจะเดินหน้าทุกอย่างเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย MOA แต่อีกมุมหนึ่งก็ไม่ละเว้นหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาลเช่นกัน” พริษฐ์กล่าว
ส่วนถ้ามีการยื่นซักฟอกจริงการลงมติจะออกมาแบบไหนนั้น พริษฐ์กล่าวว่า ต้องดูสาเหตุและเนื้อหาในการยื่น อย่าไปจำกัดแค่พรรคใดพรรคหนึ่ง พรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้านก็มีสิทธิเช่นกัน แต่เราก็ต้องทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านให้สมดุล เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายให้มีการเลือกตั้ง พร้อมการทำประชามติ ควบคู่กับกลไกการตรวจสอบ ปกป้องผลประโยชน์ภาษีของประชาชน
ส่วนพรรคประชาชนจะยื่นซักฟอกหรือไม่นั้น พริษฐ์ยืนยันว่า เราจะใช้ทุกกลไกในการตรวจสอบ แต่ก็ต้องดูสาเหตุหรือการกระทำของรัฐบาลว่าเหมาะสมที่จะใช้กลไกใดในการตรวจสอบ


