×

พริษฐ์ชี้การกระทำรัฐบาลจะพิสูจน์ว่าเกรงใจใครในเครือข่ายสแกมเมอร์หรือไม่

โดย THE STANDARD TEAM
05.12.2025
  • LOADING...
พริษฐ์ ชี้การกระทำรัฐบาลจะพิสูจน์ว่าเกรงใจใครในเครือข่ายสแกมเมอร์หรือไม่

วันนี้ (5 ธันวาคม) พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปรากฏภาพเก่าของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมถ่ายร่วมกับ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ

 

พริษฐ์ระบุว่า เมื่อวานนี้ (4 ธันวาคม) อนุทินได้เข้ามาชี้แจง คิดว่าสิ่งที่จะพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนที่สุดว่า รัฐบาลมีความจริงใจจริงจังในการแก้ปัญหาสแกมเมอร์หรือไม่ รัฐบาลมีความเกรงใจบุคคลใดที่มีความเชื่อมโยงเครือข่ายสแกมเมอร์หรือไม่ ไม่ใช่คำพูดของนายกรัฐมนตรี แต่เป็นการกระทำของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล

 

พริษฐ์กล่าวว่า ดังนั้น สิ่งที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ออกมาแถลงข่าว ส่วนตัวมองว่า เป็นการนับหนึ่งเท่านั้น หลังจากนี้อยากเชิญชวนทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนทุกคนจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า รัฐบาลจะเดินหน้าขยายผลจากการแถลงข่าวของ ปปง. อย่างไร โดยมองว่าการกระทำนั้นต่างหากที่จะเป็นตัวพิสูจน์ว่ารัฐบาลมีความจริงใจแก้เรื่องนี้มากแค่ไหน จะพ้นข้อครหาของการที่มีภาพปรากฏกับบุคคลที่อาจเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์หรือไม่ ซึ่งตัวอย่างรูปธรรม เช่น การยึดทรัพย์ในเวลานี้เป็นการยึดทรัพย์ชั่วคราวภายในกรอบเวลา 90 วัน ที่เปิดให้ผู้ที่ถูกยึดทรัพย์มาชี้แจงและติดตามอย่างใกล้ชิดว่าผ่าน 90 วันไปแล้วการยึดทรัพย์จะเกิดขึ้นจริงต่อหรือไม่

 

ซึ่งเราจะเห็นการขยายผลในการออกหมายจับหรือว่าในการยึดทรัพย์บุคคลอื่นๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่มีฐานอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าหลายคนตั้งข้อสังเกตว่ามูลค่าที่ถูกยึดทรัพย์เบื้องต้น ครอบคลุมมูลค่าทั้งหมดที่เป็นทรัพย์สินที่มาจากเงินการหลอกลวงประชาชน โดยทางเครือข่ายสแกมเมอร์หรือไม่ ซึ่งตัวอย่างของรูปธรรมและการทำงานของรัฐบาลจะเป็นตัวพิสูจน์

 

▪️แนะอนุทินควรใช้ภาษาอังกฤษหาความร่วมมือนานาชาติ

 

“เมื่อวานนี้เห็นคุณอนุทินมีการชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษบางคำ ผมมองว่าหากคุณอนุทินอยากใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นประโยชน์ สิ่งสำคัญตอนนี้คือการพยายามประสานความร่วมมือกับเวทีนานาชาติ เพราะเรื่องสแกมเมอร์เป็นเรื่องที่ไม่ได้กระทบแค่คนไทยเท่านั้น แต่กระทบถึงชีวิตและทรัพย์สินของคนในหลายประเทศ” พริษฐ์กล่าว

 

ทั้งนี้ หลายประเทศรู้ดีว่า จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ต้องอาศัยประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีภูมิศาสตร์อยู่ระหว่าง 2 ชายแดน ที่ถูกมองว่าเป็นฐานของศูนย์สแกมเมอร์ จึงคิดว่าประเทศไทยต้องใช้ประโยชน์จากความร่วมมือในระดับนานาชาติด้วยเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้และปกป้องผลประโยชน์ของคนไทย ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูล ทรัพยากร รวมถึงการพูดคุยวางมาตรฐานในเรื่องของการฟอกเงินที่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกประเทศ รวมถึงการอาศัยความร่วมมือในการดำเนินคดีของผู้กระทำความผิดที่อาจจะมีการเดินทางไประหว่างประเทศเป็นต้น

 

▪️ตั้งคำถามหลักสูตรหน่วยงานรัฐเป็นประโยชน์จริงหรือไม่

 

พริษฐ์ยังได้ตั้งข้อสังเกตหลังจากได้ฟังคำชี้แจงของผู้มีอำนาจที่ปรากฏภาพกับบุคคลที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ ก็จะเห็นว่าคำชี้แจงหลายครั้งคือเจอกันตามหลักสูตรต่าง ๆ ทั้ง วปอ. หรือการร่วมงานเลี้ยงในหลักสูตรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้คิดว่าก็ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาทบทวนหรือพิจารณายกเลิกหลักสูตรดังกล่าวของหน่วยงานภาครัฐ ที่จัดโดยหลายหน่วยงานมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น หลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย (นธป.) ของศาลรัฐธรรมนูญ หลักสูตร ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บยส.) ของศาลยุติธรรม หลักสูตร นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นปยส.) ของ ปปช. เป็นต้น

 

พริษฐ์ระบุว่า ตนเองเคยตรวจสอบผ่านกลไกของกรรมาธิการว่า การมีหลักสูตรเหล่านี้ได้คุ้มเสียหรือไม่ ตอนเชิญหน่วยงานมาชี้แจง ก็ให้เหตุผลว่าเป็นความพยายามเพื่อสร้างความเรียนรู้ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนรวมถึงหน่วยงานต่างๆ

 

พริษฐ์ยังตั้งคำถามว่าหากหลักสูตรเหล่านี้สร้างประโยชน์ได้จริงเรื่องการเรียนรู้ ไม่ได้มีไว้เพื่อการสร้างคอนเนคชั่นเป็นหลัก ทำไมไม่ค่อยเห็นผลงานความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมจากผู้เข้าเรียน ถ้าหลักสูตรเหล่านี้มีประโยชน์ในการเรียนรู้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อคอนเนคชั่นทำไมถึงไม่เห็น ความพยายามในการปรับรูปแบบหลักสูตรในการลดความเสี่ยงหล่อเลี้ยงรูปแบบอุปถัมภ์ เช่น ปรับการเรียนการสอนเป็นรูปแบบออนไลน์ หรือการรับคนเป็นรุ่นๆ หรือ การเผยแพร่องค์ความรู้จากหลักสูตรในโลกออนไลน์

 

“ผมจึงตั้งคำถามว่า ประโยชน์ในเรื่องการเรียนรู้มีจริงหรือไม่ และอีกมุมหนึ่งสิ่งที่เห็นชัดคือข้อเสียหรือความเสี่ยงเรื่องระบบอุปถัมภ์ เพราะกลายเป็นว่าหลักสูตรเหล่านี้รวมตัวแทนรัฐจากหลายหน่วยงานและภาคเอกชนก็อาจมีความเสี่ยงในการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน หลักสูตรเหล่านี้กลายเป็นทำเลทอง หรือศูนย์บริการครบวงจร One Stop Service ให้เขาสามารถเข้าถึงผู้มีอำนาจทุกแวดวงในประเทศได้อย่างง่ายดาย” พริษฐ์กล่าว

 

พริษฐ์ยังมองว่า เป็นเรื่องตลกร้ายที่หลักสูตรซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันความมั่นคงของประเทศ กลับถูกตั้งคำถามว่า หลักสูตรเหล่านี้กลายเป็นการสร้างพื้นที่ให้บุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์เข้าถึงผู้มีอำนาจรัฐหรือไม่ ทั้งที่สแกมเมอร์เป็นหนึ่งในภัยความมั่นคงของประเทศ

 

ส่วนที่พรรคประชาชนดำเนินเรื่องการปราบสแกมเมอร์มาสักระยะหนึ่งแล้ว และตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็นำหลักฐานสแกมเมอร์ไปยื่นร้องหน่วยงาน ทำให้หลายคนวิจารณ์ว่าเป็นการเคลมผลงานกันหรือไม่ พริษฐ์มองว่า เรื่องสแกมเมอร์เป็นเรื่องที่กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งตอนนี้มีหลายภาคส่วนเข้ามาเอาจริงเอาจังเข้ามาร่วมกันตรวจสอบเรื่องนี้ย่อมเป็นเรื่องที่ดี

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising