วันนี้ (17 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงข้อเสนอของพรรคประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 โดยใช้โมเดล 2 คณะ ประกอบด้วย คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ และคณะผู้แทนประชาชน
โดยคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 70 คน ก่อนเสนอชื่อให้รัฐสภาคัดเลือกให้เหลือ 35 คน เพื่อทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนคณะผู้แทนประชาชน หรือสภาที่ปรึกษา มาจากการเลือกของประชาชน 100 คน มีหน้าที่นำความเห็นของประชาชนมาสะท้อนต่อคณะผู้ร่าง
พริษฐ์ยืนยันว่า โมเดลดังกล่าวมีความใกล้เคียงกับโมเดลที่เราเคยเสนอไปแล้วในสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะการเลือกสองใบนั้น ไม่ได้ต่างกับการเลือก สส.เขต และ สส.บัญชี รายชื่อ จึงคิดว่าไม่ได้ซับซ้อนเกินไป แต่ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วม
พริษฐ์ชี้แจงด้วยว่า สำหรับคณะผู้แทนประชาชน ทำหน้าที่คล้ายกับสภาที่ปรึกษา หรือสภากำกับดูแล ดังนั้น จะเป็นคนที่มีตัวแทนทุกจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้ง มีหน้าที่รวบรวมความเห็นจากประชาชน และเมื่อมีความคืบหน้าของร่าง ก็จะนำความคืบหน้าดังกล่าว ไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ไม่ได้นำมายกร่าง หรือเขียนข้อความ เนื่องจากเรากังวลถึงคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุ รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรง เราจึงวางเป็นสองคณะแบบนี้
ส่วนคณะผู้แทนจะมีอิทธิพลต่อคณะผู้ร่าง หรือจะเป็นการเปิดช่องให้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าขัดต่อคำวินิจฉัยหรือไม่นั้น พริษฐ์มองว่า ไม่คิดว่าตรงนั้นเป็นปัญหา เพราะไม่ว่าจะกลไกคณะผู้แทนหรือคณะผู้ร่าง ก็ต้องฟังเสียงของประชาชนที่สะท้อนโดยตรงอยู่แล้ว รวมถึงที่สะท้อนผ่านกลุ่มตัวแทนต่างๆ และสมาชิกรัฐสภาด้วย ตลอดจนการเปิดเวทีรับฟังความเห็นประชาชนในพื้นที่ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ ไม่น่าเป็นกังวล เรื่องข้อกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม พริษฐ์ระบุว่า จากการพูดคุยกับ ชูศักดิ์ ศิรินิล สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คิดว่าโมเดลพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนคล้ายกันอยู่ เพราะไม่ใช่การตั้งคณะกรรมการโดยตรง แต่ใช้เป็นกลไกเสริม ในส่วนของเรา 2 คณะ ขณะที่ของพรรคเพื่อไทยเป็นสภาเดียว แต่มีสองที่มา
สำหรับประเด็นการลดทอนอำนาจของ สว. ในร่างแก้ไขของพรรคประชาชนก่อนหน้านี้ พริษฐ์กล่าวว่า ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือร่างเดิมที่อยู่ในระเบียบวาระทั้งของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ที่มีการแก้ไข 2 เรื่อง คือมาตรา 256 เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา และการเพิ่มหมวด 15/1 ในรอบนี้ ซึ่งพูดเรื่องกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ขณะที่คาดหวังให้ สว.โหวตเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 มากขึ้นหรือไม่ พริษฐ์หวังว่า สว.คงไม่ได้คิดถึงผลกระทบต่อตัวเอง แต่คิดถึงผลกระทบต่อประเทศ
สำหรับกลไกป้องกันไม่ให้มีอิทธิพลการเมืองเข้ามาครอบงำกระบวนการเลือก สสร. หรือกรณีการฮั้วเลือก สว. ที่ผ่านมาหรือไม่ พริษฐ์ย้ำว่า ไม่เหมือนการเลือก สว. อยู่แล้ว เพราะการเลือก สว. ไม่ใช่การเลือกตั้ง แต่ให้ผู้สมัครเลือกกันเอง กระบวนการนี้จึงไม่มีอะไรใกล้เคียงกับการเลือก สว. เลย จึงไม่ได้เป็นข้อกังวล
พริษฐ์กล่าวต่อไปว่า เรื่องอิทธิพลทางการเมือง ถ้าเรายึดมั่นในหลักการของระบอบประชาธิปไตย เราให้ความสำคัญกับกระบวนการเลือกตั้ง ที่ประชาชนมี 1 สิทธิ์ 1 เสียง ตัดสินใจในแต่ละเรื่อง หากเรากังวลใจว่า คณะไหนจะถูกอิทธิพลกลุ่มการเมืองมาผูกขาดหรือไม่ วิธีการที่ดีที่สุด คือการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด เพราะจะทำให้ไม่สามารถมีกลุ่มทางการเมืองกลุ่มใดผูกขาดการกำกับคณะดังกล่าวได้ เพราะประชาชนโดยธรรมชาติย่อมมีความเห็นที่หลากหลาย
