“หลังตรง” เสียงตะโกนจากโค้ชบอก เวฟ-วีรพล วิชุมา เด็กหนุ่มวัยเพียง 19 ปี ที่กำลังจะยกในท่า Clean and Jerk ด้วยน้ำหนักถึง 198 กิโลกรัม
น้ำหนักนี้เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของนักกีฬาและทีมงานที่ต้องการจะไปให้ถึงการได้เหรียญรางวัล หลังจากที่ในตอนแรกวีรพลยกในท่า Snatch ได้ไม่มากนัก
ความยากนั้นไม่ต้องถาม แต่แววตาของหนุ่มน้อยไม่มีความสงสัยหรือลังเลใดๆ ในความสามารถของตัวเอง ก่อนที่จะเปิดโหมดอัลติยกขึ้นได้อย่างสวยงาม ทำให้วีรพลคว้าเหรียญเงินโอลิมปิกมาครองได้ในการแข่งขันสมัยแรกของตัวเอง
เหรียญเงินนี้เป็นเหรียญเงินที่ 2 ของทัพยกน้ำหนักไทย กับอีก 1 เหรียญทองแดงที่ได้มาหนึ่งวันก่อนหน้านี้จากความสุดยอดของ ฟ่าง-ธีรพงศ์ ศิลาชัย และ ออย-สุรจนา คำเบ้า โดยที่ยังมี ส้ม-ดวงอักษร ใจดี ที่เตรียมจะลงแข่งขันในวันอาทิตย์นี้ต่อด้วย
ความสำเร็จนี้พูดได้เต็มปากว่า ทัพนักกีฬายกน้ำหนักของไทยกลับมาทวงความยิ่งใหญ่และกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับมาได้แล้ว
เสียงคำรามจอมพลังสยาม ณ ปารีส
ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปารีส ทัพนักกีฬายกน้ำหนักของไทยไม่ได้อยู่ในความสนใจของสื่อหรือแฟนกีฬามากนัก โดยแสงไฟไปตกอยู่กับทีมแบดมินตัน เทควันโด และมวย เสียมากกว่า
แต่เมื่อถึงเวลาลงสนามจริงปรากฏว่า ทีมยกน้ำหนักของไทยคือทีมที่ทำผลงานได้ดีที่สุด
จุดเริ่มต้นมาจากเหรียญเงินของ ฟ่าง-ธีรพงศ์ ศิลาชัย ซึ่งลงแข่งขันในรุ่น 61 กิโลกรัมชาย และต้องเจอกับคู่แข่งสุดโหดมากมาย แต่เด็กหนุ่มวัยเพียง 20 ปี สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการยกน้ำหนักรวมได้ถึง 303 กิโลกรัม
เข้าป้ายกลายเป็นเจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิกได้อย่างสุดเซอร์ไพรส์
ต่อด้วยในรอบดึกของคืนเดียวกัน ระหว่างที่คนไทยกำลังใจจดใจจ่อกับการลุ้นเหรียญทองของ เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ อีกสนาม ออย-สุรจนา คำเบ้า จอมพลังสาววัย 25 ปี ก็ลงชิงชัยกับเหล่าสุดยอดจอมพลังของโลกในรุ่น 49 กิโลกรัมหญิงเหมือนกัน
โดยเฉพาะการเจอกับ โหวจื้อฮุ่ย จอมพลังที่เป็นมือหนึ่งของวงการจากจีน และ มิเคลา แคมเบ แชมป์ยุโรปจากโรมาเนีย แต่สาวน้อยจากอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ทำให้ทุกคนต้องภูมิใจ เมื่อยกน้ำหนักรวมได้ 200 กิโลกรัม คว้าเหรียญทองแดงมาครองได้สำเร็จ
ก่อนจะถึงคนล่าสุดอย่าง เวฟ-วีรพล วิชุมา เด็กหนุ่มที่อายุเพียง 19 ปี ซึ่งลงแข่งโอลิมปิกเป็นครั้งแรกเช่นกัน
การแข่งขันนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด ที่ทำให้แม้ตัวเต็งอย่าง สือจื้อหยง แชมป์โอลิมปิก 2 สมัยล่าสุด ยังพลาดในท่า Clean and Jerk ทั้ง 3 ครั้ง แต่วีรพลซึ่งอยู่อันดับ 9 ในท่า Snatch กลับมาพลิกสถานการณ์ได้ในท่า Clean and Jerk
จากการเรียกน้ำหนักครั้งแรกถึง 190 กิโลกรัม ซึ่งยกผ่านสบายๆ ก่อนจะเรียกน้ำหนักครั้งที่ 2 ที่ 194 กิโลกรัม โดยหากยกผ่านจะได้เหรียญทองแดงทันที ปรากฏว่าวีรพลทำได้สำเร็จ
แต่เท่านั้นยังไม่พอ เวฟตัดสินใจเรียกน้ำหนักเพิ่มอีกเป็น 198 กิโลกรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักที่มากกว่าสถิติเยาวชนโลกที่ตัวเองทำไว้ในศึกชิงแชมป์โลก 2023 ในการแข่งที่ภูเก็ตที่ 195 กิโลกรัมด้วย
ปรากฏว่าวีรพลรวมพลังก่อนยกได้สำเร็จ นอกจากจะทำลายสถิติเยาวชนโลกใหม่แล้ว ยังแซงหน้านักยกน้ำหนักจากบัลแกเรีย คว้าเหรียญเงินโอลิมปิกมาครองได้ด้วย
3 ปีแห่งความมืดมน
การทำผลงานได้สุดยอดของทีมยกน้ำหนักไทยนั้น เป็นการลบรอยแผลที่เจ็บปวดจากการถูกสั่งแบน ห้ามลงแข่งขันในทุกระดับเป็นระยะเวลานานถึง 3 ปีในช่วงก่อนหน้านี้
โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2018 เมื่อสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ (IWF) ตรวจพบว่านักกีฬาไทยที่ลงแข่งขันในรายการชิงแชมป์โลกที่กรุงอาชกาบัต ประเทศเติร์กเมนิสถาน มีสารต้องห้ามในร่างกายถึง 9 รายด้วยกัน
ข่าวนี้ถือเป็นข่าวใหญ่ที่อื้อฉาวอย่างมาก เพราะทีมยกน้ำหนักไทยถือเป็นหนึ่งในสุดยอดของโลกที่สร้างผลงานยอดเยี่ยมต่อเนื่องยาวนาน
เหล่าตำนานเริ่มตั้งแต่ เกษราภรณ์ สุตา กับเหรียญทองแดงแรกในโอลิมปิกที่ซิดนีย์ ปี 2000 ผ่านมาถึง “สู้โว้ย” อุดมพร พลศักดิ์ เหรียญทองแรกของยกน้ำหนักไทยในเอเธนส์ 2004 ต่อด้วยเหรียญทองที่ 2 ของ ปวีณา ทองสุก และ 2 เหรียญทองแดงจาก อารีย์ วิรัฐถาวร และ วันดี คำเอี่ยม
จากนั้นในปักกิ่ง 2008 ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล คว้าเหรียญทองให้ไทยได้ กับอีก 2 เหรียญทองแดงของ เพ็ญศิริ เหล่าศิริกุล และ วันดี คำเอี่ยม ก่อนที่อีก 4 ปีถัดมาในลอนดอน 2012 พิมศิริ ศิริแก้ว ได้เหรียญเงิน ส่วน ศิริภุช กุลน้อย ได้เหรียญทองแดง (ซึ่งได้ย้อนหลังด้วยอีกเหรียญจากโอลิมปิกเกมส์ที่ลอนดอน)
มาถึงรีโอ 2016 ทัพยกน้ำหนักไทยได้ 2 เหรียญทองจาก สุกัญญา ศรีสุราช และ โสภิตา ธนสาร และเปิดประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยเหรียญโอลิมปิกแรกในรอบ 52 ปีของนักยกน้ำหนักชาย สินธุ์เพชร กรวยทอง ที่ได้เหรียญทองแดงมาครอง
เพราะโทษแบนในครั้งนั้น แม้จะมีความพยายามชี้แจงจากสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทยว่าเป็นความผิดที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์จากการใช้ยาทา แต่ก็ทำให้ทีมยกน้ำหนักไทยหมดสิทธิ์ลงแข่งในโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวในปี 2021 ไปอย่างน่าเสียดาย
การต่อสู้เพื่อทวงศักดิ์ศรี
สิ่งที่สมาคมยกน้ำหนักไทยฯ พยายามทำด้านหนึ่งคือ การต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรม โดยได้ร้องต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา (CAS) เพื่ออุทธรณ์โทษ
หลังความพยายามอยู่นาน ในที่สุด CAS ก็ตัดสินคืนสิทธิ์ให้ทัพยกน้ำหนักไทยลงแข่งขันบนเวทีระดับนานาชาติได้อีกครั้ง โดยกลับมาแข่งขันรายการแรกในศึกชิงแชมป์โลกที่ประเทศอุซเบกิสถานในช่วงปลายปี 2021
สิ่งที่หลายคนอยากรู้คือ หายไปนานขนาดนี้กลับมาจะทำผลงานเป็นอย่างไร?
คำตอบที่ได้จากทัพยกน้ำหนักไทยคือ กวาดเหรียญมาครองได้อย่างมากมาย โดยได้มา 6 เหรียญทอง, 4 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง อยู่อันดับ 3 ของตารางเหรียญรวม แพ้แค่เกาหลีใต้และอุซเบกิสถานเท่านั้น
ที่ผลงานของทัพยกน้ำหนักไทยสุดยอดขนาดนี้ มาจากการทำงานหนักของสมาคมที่ดูแลนักกีฬาอย่างดีที่สุด และระแวดระวังยิ่งขึ้นเกี่ยวกับเรื่องสารต้องห้าม รวมถึงการดูแลด้านสภาพจิตใจของนักกีฬาที่มากกว่าแค่เรื่องความเป็นอยู่ในแคมป์และการใช้ชีวิต
เพราะโดนแบนห้ามแข่ง แต่ไม่ได้แปลว่าห้ามซ้อม ทุกคนจึงเต็มที่กับหน้าที่เหมือนเดิม อดทนเวลาที่จะได้กลับมาเท่านั้น
ความกระหายของสายเลือดใหม่
นอกจากนี้ยังมีการพยายามสร้างเมล็ดพันธุ์ใหม่ๆ ขึ้นมาประดับวงการ อันเป็นผลจากการวางรากฐานในระบบการพัฒนานักยกน้ำหนักในประเทศไทยอย่างเป็นรูปเป็นร่าง ทำให้แม้จะโดนแบนถึง 3 ปี แต่ก็มีนักยกน้ำหนักสายเลือดใหม่ก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นได้ตลอด
รวมถึงในโอลิมปิกครั้งนี้ที่ปารีส ซึ่งเป็นการแจ้งเกิดของ 2 เหรียญเงิน วีรพล วิชุมา กับ ธีรพงศ์ ศิลาชัย ที่อายุแค่ 19 และ 20 ปี ตามลำดับ แต่ก็มีผลงานในระดับนานาชาติมาแล้ว เช่นเดียวกับ สุรจนา คำเบ้า เจ้าของเหรียญทองแดงในวัย 25 ปี ที่บนเวทีระดับชาติถือว่าเก่งกล้าพอตัว
โดยหากมองย้อนกลับไปในการแข่งขันจะเห็นได้ว่า นักยกน้ำหนักไทยทุกคนมีความมุ่งมั่น กระหาย และมีสภาพร่างกายที่สด
นอกจากนี้ทุกคนแบกความหวังและความฝันที่อยากจะดูแลที่บ้านให้ดี เหมือนนักกีฬาระดับโลกมากมายที่ไม่ได้สู้เพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ยังสู้เพื่อครอบครัวด้วย เช่น สุรจนาที่อยากได้เงินมาทำบ้านใหม่ให้แม่
ที่สำคัญในภาพรวมคือชื่อเสียงที่กลับมาของทัพยกน้ำหนักไทย ที่ประกาศศักดาได้อย่างยิ่งใหญ่ทั้งบนเวทีระดับโลกและในหัวใจคนไทยที่ไม่ได้คาดหวังมาก่อน ความสำเร็จในวันนี้จึงทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเป็นพิเศษ
โดยที่ยังเหลือ ส้ม-ดวงอักษร ใจดี ที่เตรียมจะลงแข่งขันในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งคนไทยจะได้ลุ้นไปด้วยกันอีกเหรียญ
ไม่ต้องห่วง คนไทยพร้อมส่งใจช่วยอย่างแน่นอน!
ติดตามการแข่งขัน โอลิมปิก ปารีส 2024 – Paris 2024 Olympic Games ได้ที่
- เว็บไซต์ https://thestandard.co/paris2024/
- Facebook : https://www.facebook.com/thestandardsport
- YouTube : https://www.youtube.com/@TheStandardSport
- TikTok : https://www.tiktok.com/@thestandardsport
- Instagram : https://www.instagram.com/thestandardsport