×

ไอซ์ พาริส จากชีวิตจริงสู่ตัวละครใน ‘เลือดข้นคนจาง’ บทเรียนจากความสูญเสีย และใช้ชีวิตกับสิ่งที่รักให้ดีที่สุด

21.09.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • การเสียชีวิตของคุณพ่อเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทำให้ไอซ์ตกอยู่ในภาวะสับสนของชีวิต กลายเป็นเด็กมีปัญหาที่พร้อมจะโทษทุกสิ่งอย่างรอบตัว แต่สุดท้ายเวลาก็ช่วยเยียวยาให้เขากลับมาเป็นคนเดิมได้ในที่สุด
  • ไอซ์ยังได้เรียนรู้ครั้งสำคัญจากเหตุการณ์นี้ว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ความตาย แต่เป็นการไม่ได้ใช้ชีวิตกับสิ่งที่รักต่างหาก

‘ฉี’ เด็กหนุ่มรักเสียงเพลง พูดจาโผงผาง หน้านิ่ง ยิ้มน้อย จากละคร เลือดข้นคนจาง คือผลงานการแสดงอย่างเป็นทางการเรื่องแรกของ ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต หนึ่งในศิลปินจากโปรเจกต์พัฒนาศิลปิน 9×9 ของค่าย 4NOLOGUE

 

ไอซ์คือหนึ่งในนักแสดงหน้าใหม่ที่ทีมเขียนบทต้องรีเสิร์ชชีวิตของเขา เพื่อนำไปพัฒนาตัวละครให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เขาเป็นมากที่สุด ผลที่ได้คือบทบาทที่เป็นธรรมชาติ ทั้งการเล่นกีตาร์ ความรักในเสียงดนตรี รวมทั้งพาร์ตสำคัญในชีวิตที่ไอซ์เองเคยเป็นเด็กมีปัญหา จากเหตุการณ์ที่คุณพ่อเสียชีวิตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

 

แต่ไอซ์ก็สามารถผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้ พร้อมกับการเรียนรู้ครั้งสำคัญที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ไปกับการเล่นดนตรี การแสดง และการเต้น ที่เขารักให้เต็มที่และดีที่สุด เพื่อไม่ให้มีอะไรค้างคาในวันที่ตัวเขาต้องจากโลกใบนี้ไปเช่นกัน

 

 

ในมุมมองของไอซ์ ตัวละคร ‘ฉี’ เป็นคนแบบไหน

ฉี เป็นลูกของนิภา (รับบทโดยอุ๋ม-อาภาศิริ จันทรัศมี) กับประเสริฐ (รับบทโดย กบ-ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) มีพ่อคนเดียวกับพีท (รับบทโดย เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม) พูดง่ายๆ ก็คือผมเป็นบ้านเล็กหรือว่าลูกเมียน้อย ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้รับความรักจากพ่อมากพอ เลยแสดงออกเหมือนเป็นเด็กมีปัญหานิดหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วเขาแค่อยากเรียกร้องความรักจากพ่อบ้าง แล้วก็เป็นเด็กที่มีความเป็นศิลปิน ชอบเล่นดนตรีมาก

 

ฉีค่อนข้างมีความคล้ายผมมากเลยนะครับ เพราะนักแสดงใหม่ในเรื่อง พี่ๆ จะมารีเสิร์ชว่าพวกเรามีชีวิตเป็นอย่างไรแล้วค่อยเอาไปเขียนบท เพราะเขาไม่อยากให้รับบทที่ฉีกจากตัวเองมากในเรื่องแรก จะได้อินกับตัวละครได้ง่ายขึ้น หลักๆ คือผมชอบเล่นกีตาร์มาก และตอนนี้ผมก็อยู่กับแม่คนเดียว เพราะพ่อผมเสียไปได้ 3 ปีแล้ว

 

อย่างตอนที่พ่อเสียชีวิต ทำให้ไอซ์รู้สึกว่าความรักหายไป คล้ายๆ กับที่ฉีรู้สึกด้วยหรือเปล่า

มีความคล้ายแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ณ ตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงเรื่องความรักที่หายไป แต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็กมาก คิดแค่ว่า ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่ผิดหวัง ทุกข์หรือเสียใจ มันจะต้องเกิดจากการกระทำของตัวเอง เช่น เราทำผิดก็โดนทำโทษหรือตักเตือน แต่ครั้งนี้เหมือนเป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด แต่อยู่ดีๆ ก็ลูกลงโทษจากอะไรก็ไม่รู้

 

ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และพยายามที่จะโยนความผิดให้กับอะไรสักอย่าง ผลคือกลายเป็นคนเอะอะ โวยวาย ขี้โมโหไปเสียหมด ไม่อยากอยู่บ้าน เพราะรู้สึกว่าทำไมบรรยากาศมันเศร้าไปหมด ไปโรงเรียนก็ไม่อยากเรียน เริ่มติดเพื่อน ทั้งที่ก่อนหน้าผมไม่เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน แต่มันคือความไม่เข้าใจของเด็ก ที่คิดว่ามันต้องเกิดความผิดพลาดอะไรบางอย่าง ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ความผิดของใครเลย

 

 

ผ่านความรู้สึกที่ต้องพยายามโทษทุกอย่างในช่วงนั้นมาได้อย่างไร

ไม่ได้มีเหตุการณ์ไหนเป็นพิเศษ แต่ผมได้เข้าใจที่เขาบอกว่า เวลาจะเยียวยาได้ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ไม่ได้มีแค่เราที่เสียใจ ทุกคนก็เสียใจเท่าๆ กันหมด พอผ่านไปสักพัก ทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย ผมกับแม่ก็กลับมาคุยกันมากขึ้น ก่อนหน้านี้ก็มีนะครับ ตามปกติที่ผู้ใหญ่เขาเป็นห่วงก็จะพยายามจับเรามาตั้งวงซีเรียส ถามว่าเป็นอะไร ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่จะคุยปุ๊บแล้วหายได้ทันที แต่พอเราไม่ต้องพยายาม กลับมาคุยกันแบบธรรมชาติเป็นปกติที่สุด ตอนนี้กลายเป็นว่าครอบครัวผมสนิทกันมากขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว ตอนหลังก็ติดเพื่อนน้อยลง กลับมาให้เวลากับครอบครัวได้เหมือนเดิม

 

แล้วไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดีขึ้น แต่เหตุการณ์นี้ได้คลี่คลายความรู้สึกบางอย่างในตัวผมไปด้วย ภาษาอังกฤษมีคำว่า Blessing in disguise หรือพรจากฟ้าที่พรางตัวมาในรูปของสิ่งที่ไม่ค่อยดีกับชีวิตของเรา แน่นอนว่าตอนเกิดเรื่องมันแย่ไปหมด แต่พอผ่านมาได้ ผมได้ค้นพบตัวเองว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่ผมชอบคืออะไร

 

ก่อนหน้านี้พ่ออยากให้เรียนเก่งๆ เพื่อเป็นวิศวกร ผมก็พยายามทำทุกอย่างที่พ่อต้องการ แต่พอพ่อเสียชีวิตทำให้ผมรู้ว่าชีวิตนี้สั้นเกินกว่าจะเป็นอะไรที่เราไม่ได้อยากเป็น แล้วช่วงที่พ่อป่วย ผมเริ่มเล่นดนตรี ตั้งวงกับแจ็คกี้ (จักริน กังวานเกียรติชัย รับบทเป็นเต้ย ในเรื่อง เลือดข้นคนจาง) แต่ยังไม่ได้คิดจริงจังมาก จนตอนหลังเมื่อได้อยู่กับมันจริงๆ ถึงได้รู้ว่านี่คือสิ่งที่ผมชอบมาตลอดตั้งแต่เด็ก และคิดที่จะจริงจังกับมัน

 

เมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ บางคนอาจจะเลือกตั้งใจทำทุกอย่างตามที่พ่ออยากให้เป็น

ตอนนี้คิดว่าผมก็ยังทำเพื่อคุณพ่ออยู่นะ อาจจะไม่ถึงขนาด 100% หรอก แต่เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ก่อนหน้านี้พ่อทำงานหนักมาก เพราะเขาอยากให้ครอบครัวเรามีชีวิตความเป็นอยู่ที่โอเค ซึ่งผมแอบรู้สึกว่าสิ่งที่ทำไม่ใช่แพสชันของพ่อ แต่พ่อยอมทำเพราะว่ารักพวกเรา

 

อีกส่วนหนึ่งผมเพิ่งพบว่าสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขในชีวิตได้มีแค่ 3 อย่าง หนึ่งคือการตามหาความฝันของตัวเอง สองคือความสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อนฝูง คนรัก สามคือการได้ช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งคุณพ่อของผมทำได้ดีมากๆ ในแง่ความสุขข้อสองที่ทำเพื่อครอบครัว แต่ผมคิดว่ามันจะดีกว่าไหม ถ้าเราใช้ชีวิตและสามารถมีความสุขกับทั้ง 3 อย่างไปพร้อมๆ กัน

 

และผมเชื่ออีกว่า เราทุกคนเกิดมาเพราะพลังงานด้านบวก เกิดจากความรักของพ่อแม่ ที่หวังให้เราได้รับสิ่งที่ดีในชีวิต เพราะฉะนั้นถ้าผมคิดว่าพ่อก็คงมีความสุข ถ้าได้เห็นผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ด้วยพลังงานด้านบวกที่พวกเขามอบให้ต่อไป ผมอาจไม่ได้เป็นวิศวกรเหมือนที่พ่อหวัง แต่อย่างน้อยผมพยายามใช้ชีวิตที่พ่อให้มาอย่างดีที่สุด การจากไปของพ่อทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ความตาย แต่เป็นการไม่ได้ใช้ชีวิตก่อนที่จะตายต่างหากที่น่ากลัว

 

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ไอซ์ทำอย่างไรกับเส้นทางการเป็นศิลปินของตัวเอง

เริ่มประกวดฝึกฝนตัวเองด้านดนตรีมาเรื่อยๆ แต่เริ่มรู้สึกว่าเรามีความสนใจศิลปะด้านการแสดงเพิ่มขึ้นมาด้วย ก็ไปแคสต์งานต่างๆ จนพี่ย้ง (ทรงยศ สุขมากอนันต์ ผู้กำกับเรื่อง เลือดข้นคนจาง) มาเห็นแล้วสนใจ ก็เลยได้เข้ามาเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของค่ายนาดาว บางกอก มีผลงานออกมาแว่บๆ เป็นตัวประกอบในเรื่อง SOS skate ซึม ซ่าส์ พอได้ยินว่าโปรเจกต์ 9×9 เปิดออดิชัน คิดว่าเป็นโอกาสที่เราจะได้พัฒนาในสิ่งที่เรากำลังสนใจทั้งเรื่องการแสดงและดนตรี ก็เลยลองดูแล้วก็ได้เข้ามาอยู่ในโปรเจกต์นี้

 

 

เรื่องการร้อง เล่นดนตรีและแสดง เราเชื่อว่าไม่มีปัญหา แล้วเรื่องการเต้นที่เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในโปรเจกต์ 9×9 ล่ะ ไอซ์มีพื้นฐานด้านนี้มาก่อนหรือเปล่า

ผมชอบการเต้นอยู่แล้วโดยไม่รู้ตัวนะ เพราะไม่เคยเรียนอย่างจริงจังมาก่อน แต่ชอบเต้นเวลาอยู่ในคอนเสิร์ต ในที่ต่างๆ หรือเต้นกับตัวเองอะไรก็ได้อยู่แล้ว หรือย้อนไปตอนเรียนชั้นประถมฯ โรงเรียนจะมีกิจกรรมเต้นแอโรบิก ที่สลับให้ทุกชั้นเรียนมานำเต้น เพื่อนคนอื่นก็จะเกลียดเวลาต้องออกไปนำมาก แต่ผมนี่เรียกว่ารักเลย (หัวเราะ) อินมาก ชอบการเต้นแอโรบิก ได้คิดท่าให้รุ่นพี่ รุ่นน้องเต้นไปพร้อมๆ กับผม แต่ก็ไม่เคยคิดจริงจัง มองการเต้นเป็นเรื่องขำๆ มาตลอด จนได้เข้ามาฝึกอย่างจริงจังในโปรเจกต์ 9×9 ที่ได้รู้ว่า เฮ้ย จริงๆ เราชอบการเต้นมากๆ นี่นา และค่อนข้างทำได้ดีด้วย

 

 

จากที่บอกว่าไอซ์จะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และมีความสุขแทนในส่วนของพ่อด้วย คิดว่า ณ ตอนนี้ ไอซ์ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองคาดหวังได้ถึงขนาดไหนแล้ว

ค่อนข้างมากเลยครับ ก่อนหน้านี้ที่เคยคิดว่า เราชอบการเล่นดนตรี การเต้น การแสดง แต่ตอนนี้ผมสามารถใช้คำว่ารักกับ 3 สิ่งนี้ได้แล้วตั้งแต่เข้ามาอยู่ในโปรเจกต์ 9×9 ผมอาจจะอธิบายไม่ถูกนะว่าอะไรทำให้ผมรู้สึกรักสิ่งเหล่านี้ แต่อย่างน้อยตลอดเวลาเกือบ 2 ปี ที่เข้ามาในโปรเจกต์ ไม่ว่าจะฝึกหนัก จะเหนื่อยขนาดไหน แต่ผมยังอยากตื่นเช้าเพื่อไปทำสิ่งเหล่านั้นทุกวันอยู่ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับเรื่องไหนมาก่อนในชีวิต นี่คือสิ่งที่ทำให้รู้ว่าผมรักสิ่งเหล่านี้แล้ว

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

FYI
  • ละครเรื่อง เลือดข้นคนจาง ออกอากาศทุกวันศุกร์เวลา 20.45 น. และวันเสาร์เวลา 20.10 น ทางช่อง one31
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising