ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีปมปัญหาที่ดินราว 1,700 ไร่ โดยขอไม่ให้สัมภาษณ์ทุกประเด็นที่เกี่ยวกับปัญหาที่ดิน เพราะอยู่ระหว่างตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ส่วนที่มีสื่อบางแห่งเล่นข่าวแล้วอ้างข้อความจากเพจ ยืนยันเป็นของปลอม เพราะเฟซบุ๊กจริงปลิวไปแล้วเดือนเศษ
สำหรับการครอบครองที่ดินจำนวน 1,706 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ปารีณาได้แจ้งครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 1,706 ไร่ ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งต่อมามีการตรวจสอบพบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นพื้นที่เขต ส.ป.ก. และป่าสงวนแห่งชาติ จังหวัดราชบุรี
ด้าน ดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ว่าสิ่งที่กรมป่าไม้ต้องเร่งดำเนินการคือต้องแจ้งความดำเนินคดีในกรณีดังกล่าว โดยให้ไปประสานข้อมูลกับทาง ป.ป.ช. หรืออำเภอว่าใบ ภ.บ.ท.5 ที่ปารีณาแจ้งครอบครองนั้นได้มาก่อนการประกาศ พ.ร.ฎ. กำหนดเขต ส.ป.ก. หรือไม่
ซึ่งหากครอบครองมาก่อนปี 2554 ที่มีการประกาศเขต ส.ป.ก. ก็เท่ากับเป็นการบุกรุกป่า มีความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6-15 ปี มีโทษสูงสุดถึง 15 ปี และผิด พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54, 55 มีโทษตั้งแต่ 2-15 ปี
ทั้งนี้ในการแจ้งของกรมป่าไม้ก็ต้องแจ้งเป็นรายกระทงคือ 170 กว่ากระทง และขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณาโทษหนักหรือเบาตามดุลพินิจ คิดเป็นรายคดี คาดว่าโทษจำคุกก็มีตั้งแต่ 300-2,000 ปี
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สังคมเข้าใจผิดว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก. แล้วไม่ต้องมีการดำเนินคดี แต่การครอบครอง ภ.บ.ท.5 ดังกล่าวชัดเจน เนื่องจากมีการปลูกสิ่งก่อสร้างในพื้นที่คือโรงเลี้ยงไก่ และปารีณาก็ยอมรับว่าเป็นของตัวเอง จึงไม่ต้องมีการนำชี้เหมือนกรณีอื่นๆ เพราะเรียกว่ามีตัวผู้ครอบครอง
“วันนี้รัฐบาลจะไปอุ้มคนที่มีอาจจะมีปัญหาในเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่าไม่ได้ ถ้าไปอุ้มจะพังทั้งรัฐบาล ยืนยันว่าเรื่องการบุกรุกป่า ใครก็ช่วยใครไม่ได้ ซึ่งได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด” ดำรงกล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์