วันนี้ (3 พฤษภาคม) พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และกรรมาธิการวิสามัญสันติภาพชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร ได้ออกมาประณามเหตุการณ์ความรุนแรงที่กลับมาปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุดที่จังหวัดนราธิวาส พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งกลับสู่กระบวนการเจรจาสันติภาพโดยเร็วที่สุด
พรรณิการ์ ซึ่งอยู่ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดยะลาเพื่อพูดคุยกับกลุ่มผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรง กล่าวว่า ได้เดินทางมาถึงยะลาเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคืนเดียวกับที่เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ 2 เหตุการณ์ซ้อนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ทั้งที่อำเภอระแงะและอำเภอตากใบ ส่งผลให้มีชาวไทยพุทธเสียชีวิตถึง 4 ราย ซึ่งมีทั้งผู้สูงอายุ เด็ก และผู้หญิง นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง
พรรณิการ์กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่น่าสังเกตและน่ากังวลอย่างยิ่งในช่วงเดือนที่ผ่านมา คือ สถานการณ์ความรุนแรงไม่ได้มีเพียงจำนวนเหตุการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่เป้าหมายของการโจมตีได้เปลี่ยนไปสู่พลเรือน หรือที่เรียกว่า Soft Target มากขึ้น ซึ่งเป็นรูปแบบที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่ความรุนแรงมักจะพุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นหลัก
“วันนี้ตนจึงอยู่ที่นี่ด้วยจิตใจที่หดหู่ ขอประณามผู้ก่อเหตุไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด เพราะการก่อความรุนแรง การยั่วยุให้เกิดความรุนแรงต่อกันและกัน ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ในชายแดนภาคใต้ดีขึ้น” พรรณิการ์กล่าว
ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญสันติภาพชายแดนใต้ฯ ซึ่งกำลังทำงานจัดทำรายงานเสนอต่อรัฐบาล พรรณิการ์ยืนยันว่า ปัจจัยเดียวที่จะสามารถบรรเทาและคลี่คลายสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ คือการที่รัฐบาลต้องเร่งผลักดันให้กระบวนการเจรจาสันติภาพสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยเร็วที่สุด
“ส่วนหนึ่งที่ทำให้ความรุนแรงปะทุขึ้นก็คือการเจรจาที่หยุดชะงักมาเป็นปีแล้ว ไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการนัดต่อ สิ่งที่รัฐบาลควรทำก็คือต้องหนักแน่น ไม่หวั่นไหวต่อการพยายามก่อความรุนแรงเพื่อล้มการเจรจา เพราะถ้าไม่เจรจาก็ไม่มีทางออกอื่นใดนอกจากความรุนแรงที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น นอกจากการประณามผู้ก่อเหตุความรุนแรงแล้ว เราต้องเรียกร้องให้รัฐบาลกลับสู่การเจรจาสันติภาพ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ลดความรุนแรง และคืนสันติภาพให้เกิดขึ้นในชายแดนใต้ได้โดยเร็ว” พรรณิการ์กล่าวทิ้งท้าย