เช้าวันนี้ (10 พ.ค.) ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น นายสันติ เหล่าบุญเสงี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ภายในทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น (รอบแรก) จำนวน 100 คน
ในจำนวนดังกล่าวมี นายจตุรภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ผู้ต้องขัง ซึ่งได้รับโทษตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ และได้รับการปล่อยตัวรวมอยู่ด้วย โดย ไผ่ ดาวดิน เป็นผู้นำกล่าวคำปฏิญาณตน ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการ
ขณะที่ในเวลาต่อมา นายไพสันต์ ขุ่ยรานหญ้า ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ได้นำผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษเดินออกมาส่งที่ประตูทางเข้าออก โดย ไผ่ ดาวดิน ได้เดินออกมาเป็นคนแรก โดยทันทีที่ไผ่ก้าวพ้นขอบประตูออกมานั้น ได้มี นายวิบูลย์และนางพริ้ม บุญภัทรรักษา บิดา-มารดา พร้อมด้วย นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ และ น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมไปถึง ส.ส. บัญชีรายชื่อ และผู้สัมคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ มาร่วมต้อนรับ ไผ่ ดาวดิน ด้วย
ขณะเดียวกัน กลุ่มเพื่อนๆ และประชาชนผู้ร่วมในอุดมการณ์ร่วมกับ ไผ่ ดาวดิน ประมาณ 1,000 คน ได้มาให้กำลังใจและรับขวัญในการออกจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น โดยการมอบดอกกุหลาบให้อีกด้วย
นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน เปิดเผยว่า ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานอภัยโทษ แต่เมื่อออกมาสู่ภายนอกของการมีอิสรภาพก็คงต้องปรับตัวก่อน
ส่วนการต่อสู้หรือการร่วมกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย หรือกิจกรรมทางการเมือง หรือกิจกรรมทางด้านมนุษยชนต่างๆ นั้นคงล้มเลิกไม่ได้ และจะทำต่อไป แต่ตอนนี้ยังไม่มีการวางแผนใดๆ ขอใช้อิสรภาพและอยู่กับครอบครัวก่อน เรื่องอื่นๆ ค่อยว่ากัน
ขณะที่ นางพริ้ม บุญภัทรรักษา มารดาของ ไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานอภัยโทษให้กับนักโทษ รวมถึงตัวลูกชายด้วย
ขณะนี้ครอบครัวยังไม่มีการคิดวางแผนในอนาคตว่า ไผ่จะต้องทำอะไร เพราะไผ่บรรลุนิติภาวะแล้ว อยากเรียน หรือจะสอบตั๋วทนายก็ต้องปล่อยให้เป็นสิทธิ์ของไผ่ แต่สิ่งแรกที่ครอบครัวจะทำร่วมกันคือ กินข้าวร่วมกันตามประสาพ่อแม่ลูก และจะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญให้ไผ่ในลำดับต่อไป