วันนี้ (28 มกราคม) อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงการนำแกนนำพรรคเพื่อไทยปราศรัยใหญ่ที่เทศบาลเมืองท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ในช่วงเช้าว่า เราต้องกลับมาหาพี่น้องประชาชนอีกครั้ง เพราะชาวหนองคายให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด วันนี้พร้อมอย่างมากที่จะพบพี่น้องประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเวทีการปราศรัยในวันนี้ ถือเป็นการวัดพลังกับพรรครวมไทยสร้างชาติที่มีกำหนดการจัดการปราศรัยที่จังหวัดชุมพรในเย็นวันนี้หรือไม่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเราแข่งขันกับตัวเอง ถึงแข่งขันกับกติกาที่ถูกเอาเปรียบ แข่งขันกับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน ทุกพรรคการเมืองไทยแข่งขันกันอย่างเข้มข้น พรรคเพื่อไทยก็เช่นกัน ส่วนจะวัดพลังอย่างไรนั้นให้เป็นวิจารณญาณของประชาชน
“วันนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ปราศรัยในฐานะสมาชิกรวมไทยสร้างชาติครั้งแรก ขณะที่แพทองธารเองก็เป็นการปราศรัยใหญ่ครั้งแรกที่จังหวัดหนองคายเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นการแลนด์สไลด์ครั้งแรกในยุค พล.อ. ประยุทธ์ในสนามเลือกตั้งก็ได้” ณัฐวุฒิกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามแพทองธารว่าจะมีหมัดเด็ดโชว์บนเวทีวันนี้หรือไม่ เพราะการปราศรัยในวันนี้เปรียบมวยชกกับรุ่นพ่อ แพทองธารกล่าวว่า หมัดเด็ดคือนโยบาย และมีความตั้งใจที่จะสื่อสารให้ประชาชนรับรู้ การขึ้นปราศรัยในครั้งนี้ขอเอาความจริงใจเป็นหมัดเด็ดในการชก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคสร้างอนาคตไทยเตรียมกลับเข้าพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้พรรคพลังประชารัฐเข้มแข็งขึ้นหรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของเกมการเมือง แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทย เราเน้นที่นโยบาย แลกกับความไว้ใจของประชาชน เพราะเรามีความตั้งใจจริงๆ แม้เราจะผ่านการยุบพรรคมา เราก็ก่อตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ โดยมีจุดประสงค์เดียวคือ การแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชน ดังนั้นเราต้องทำพรรคของเราให้แข็งแรง และสื่อสารสิ่งที่มีประโยชน์กับประชาชน
ขณะที่ณัฐวุฒิกล่าวเสริมว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคพลังประชารัฐและพรรคสร้างอนาคตไทยขณะนี้ น่าจะเป็นภาระของพรรครวมไทยสร้างชาติมากกว่าพรรคเพื่อไทย พล. ประวิตรแม้จะเดินช้า แต่ลีลานั้นเร็วกว่า พล.อ. ประยุทธ์มาก การรวมพรรคที่เคยร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐมาก่อนนั้น ภาพสะท้อนให้เห็นว่า พล.อ. ประวิตรนั้นมีบารมี และได้รับการยอมรับในกลุ่มตัวเองมากว่า พล.อ. ประยุทธ์อย่างเห็นได้ชัด การที่ 2 คน 2 พรรคเลือกเดินอย่างไร เอาเป็นเรื่องของพวกเขา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการรวมทั้ง 2 พรรคนั้น จะเป็นการวัดพลังของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า เรื่องนี้ประชาชนจะต้องเป็นผู้ตัดสิน ว่าพรรคเพื่อไทยจะแรงพอที่จะต่อสู้ทางการเมืองได้หรือไม่
“สำหรับอิ๊งแล้ว เราไม่ได้สนใจว่าเขาจะรวมกันหรือไม่อย่างไร เราทำของเราให้ดีที่สุด การที่เราจะทำแคมเปญออกมาให้ประชาชนรับรู้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ยากเช่นกัน เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นสิ่งอื่น เราไม่ได้โฟกัสเลย” แพทองธารกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงโอกาสของการเมืองที่จะเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทย กลุ่มสามมิตร หรือกลุ่มของสุชาติ ตันเจริญ หรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า เร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ เพราะเรื่องที่เราได้พูดกับประชาชนไว้จะเกิดขึ้นจริง การรวมพรรคเล็กพรรคน้อยให้รอผลหลังการเลือกตั้ง