×

DNA พ่อแม่ ผลักดัน ‘แพทองธาร’ นำทัพพลิกเกมเพื่อไทยสู่รัฐบาลสมัยหน้า?

โดย THE STANDARD TEAM
05.04.2024
  • LOADING...

วันนี้ (5 เมษายน) แกนนำพรรคเพื่อไทย สส. สมาชิกพรรค รวมถึง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลาราชการครึ่งวันเพื่อเข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ที่พรรคเพื่อไทยกันอย่างพร้อมเพรียงจนแน่นห้องประชุม 

 

โดยก่อนการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารพรรคและแกนนำพรรค ได้มีการฉายวีดิทัศน์จุดเริ่มต้นของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ยุค ทักษิณ ชินวัตร ต่อเนื่องมาถึงยุคของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, แพทองธาร ชินวัตร และ เศรษฐา ทวีสิน 

 

พบว่าเนื้อหาในวีดิทัศน์นั้นมีการพูดถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ต่อยอดมาจากพรรคไทยรักไทย มีการกล่าวถึงนโยบายใหม่ๆ ในการพัฒนาประเทศ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ผ่านบทสัมภาษณ์ของทักษิณ, แพทองธาร และเศรษฐา 

 

 

เปิดคลิป ‘ทักษิณ’ กลางวงประชุม

 

ทักษิณระบุผ่านวีดิทัศน์ว่า ตนเกิดบ้านนอกและเห็นชีวิตของคนต่างจังหวัด กลับบ้านกี่ทีก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บางบ้านยากจน ต้องเก็บเงินไว้รักษายามเจ็บป่วย เราเป็นนักธุรกิจ เริ่มต้นจากการไม่มีอะไรเลย จนประสบความสำเร็จและทำให้ครอบครัวมีฐานะดี จึงคิดว่าน่าจะเอาหลักการเดียวกันไปทำให้คนทั้งประเทศดีขึ้นได้ ซึ่งช่องทางที่ดีที่สุดคือ การเข้ามามีอำนาจในทางการเมือง

 

พรรคเพื่อไทยถูกกล่าวหาว่าเป็นพรรคอนุรักษนิยมใหม่ ซึ่งบอกได้เลยว่า อันนี้ไม่ได้อยู่ในดีเอ็นเอของพรรคเพื่อไทยหรือพรรคไทยรักไทย แต่พรรคเพื่อไทยคือพรรคที่รีฟอร์มเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง เราเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระบบประกันสุขภาพและอีกหลายเรื่อง แล้ววันนี้พรรคเพื่อไทยกำลังจะทำดิจิทัลวอลเล็ต 

 

“อันนี้โคตรใหม่เลย ไม่ใช่ใหม่ธรรมดา โลกมันหมุนไป โลกมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็ต้องปรับตัว เปลี่ยนไปเรื่อยๆ” ทักษิณกล่าว

 

ชมเศรษฐาผู้นำช่วงเปลี่ยนผ่าน

 

ทักษิณกล่าวอีกว่า สังคมวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว การเข้าถึงประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ จะเข้าถึงด้วยทางกายภาพหรือด้านสื่อก็ต้องเข้าถึง แม้เป็นผู้บริหารก็อยากให้ สส. พรรคเพื่อไทยเข้าถึงประชาชน ส่วนการทำงานในสภาก็ต้องเข้มแข็ง และสำคัญที่สุดคือหัวใจ ถ้าเราจะเป็นนักการเมืองที่ดีได้ ต้องเป็นนักการเมืองที่รักประชาชน ประชาชนเดี๋ยวนี้มองตาเราก็รู้ว่าเรามีเมตตาธรรมหรือเป็นคนถือตัว ไม่สนใจชาวบ้าน 

 

“สิ่งเหล่านี้จะอยู่กับความรู้สึกของชาวบ้าน จะมาเสแสร้งแค่ไม่กี่วัน หรือ 1 เดือนก่อนจะเลือกตั้ง เขารู้หมด เพราะฉะนั้นเราต้องอยู่กับชาวบ้านให้ได้” ทักษิณกล่าว

 

ทักษิณยังพูดถึงเศรษฐาว่า ตนมั่นใจว่าเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีที่นำพาประเทศได้ ท่านเป็นนักบริหารที่มีประสบการณ์มาก แม้บริหารอยู่ในกรุงเทพฯ แต่มีเครือข่ายส่งเสริม สนับสนุน ช่วยเหลือ ตนเป็นคนบ้านนอก มาเป็นนายกรัฐมนตรีวันนั้นก็ไม่มีเครือข่ายในกรุงเทพฯ ถือเป็นจุดอ่อน ขณะเดียวกันเศรษฐาเหมาะสมที่จะลงไปในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่าน และมีหลายพรรคการเมืองแบบนี้ เศรษฐาน่าจะทำได้ดี 

 

ดีเอ็นเอทักษิณ ต้องทำได้ดีกว่า

 

“ผมมั่นใจว่าอิ๊งสามารถที่จะนำทีมพลิกเกมได้ไม่ยาก อิ๊งเป็นดีเอ็นเอระหว่างผมกับคุณหญิง (พจมาน ณ ป้อมเพชร) ที่ผสมกัน เขาจึงเอาส่วนที่เข้มแข็ง อดทน เด็ดขาด มาจากคุณหญิง และเอาส่วนที่ต้องเดินหน้าพบปะผู้คนการเมืองและเข้าใจการเมืองมาจากผม เขาก็เรียนรู้จากแม่จากพ่อมา เพราะเขาเป็นลูกคนเล็ก ผมจึงเชื่อว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีได้ ไม่ได้เชียร์ลูก ผมทำได้ ดีเอ็นเอผมก็ต้องทำได้ และมีดีเอ็นเอแม่เขาด้วย ดังนั้นเขาก็จะทำได้ดีกว่าผม” ทักษิณกล่าว

 

 

นำทัพครั้งแรก แพ้เลือกตั้ง

 

ขณะที่แพทองธารกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาก็พบว่าโหวตเตอร์ของเรายังเลือกเราอยู่ ทำให้ตนรู้ว่าเข้ามาพรรคเพื่อไทยเพื่ออะไร และถึงเวลาแล้วที่จะทำเพื่อพรรคเพื่อไทย และเพื่อคนที่สนับสนุนเรามาตลอด ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม 

 

การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาทำให้เราสะท้อนตัวเองหลายอย่าง ได้ทราบแรงกดดัน และทราบเงื่อนไขและสิ่งที่มันเปลี่ยนไป แน่นอนว่าตนนำพรรคหาเสียงเป็นครั้งแรกแล้วแพ้เลือกตั้ง แต่ถ้าไม่ไหวแล้วคนอื่นจะไหวได้อย่างไร ดังนั้นจึงต้องรีบดูแลตัวเอง ดูแลจิตใจ และไปต่อให้ได้ และหากจำกันได้ ก่อนหน้านี้ที่เราชนะการเลือกตั้ง เราก็ฟอร์มรัฐบาลไม่สำเร็จ นั่นก็คือบทเรียนหนึ่งของเรา 

 

แพทองธารกล่าวอีกว่า มาวันนี้เรามาเป็นอันดับ 2 ห่างกัน 10 ที่นั่ง เราก็ซัพพอร์ตเต็มที่ เพราะเรารู้ดีว่าการที่เป็นพรรคอันดับ 1 แล้วฟอร์มรัฐบาลไม่ได้เป็นอย่างไร แต่เมื่อโอกาสมาถึงเราก็ต้องทำให้สำเร็จ

 

‘แพทองธาร’ ผู้นำที่เข้าใจทุกคน

 

“การที่ตนเองจะนำได้ ไม่ใช่ใครก็ได้ที่ลุกมาแล้วจะเดินไปทางไหนแล้วทุกคนจะต้องเดินตาม แต่หากทำเช่นนั้นอิ๊งคิดว่าคนที่ตามจะเหนื่อยแล้วไม่อยากจะตาม แต่อิ๊งอยากจะเป็นผู้นำที่เข้าใจทุกคน ทุกกลุ่ม และสถานการณ์ในภาพรวม อยากให้คนที่เดินตามมีความสุขกับตนเองและรู้สึกปลอดภัย รู้สึกมีส่วนร่วม เรานำคนเดียวไม่ได้ แต่ทั้งหมดต้องไปด้วยกัน พรรคเพื่อไทยจะยิ่งใหญ่ไม่ได้ ถ้าขาดบุคคลหรือแผนกใดแผนกหนึ่งที่ทำเพื่อพรรคอยู่ตอนนี้” แพทองธารกล่าว

 

แพทองธารยังกล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่าการทำนโยบายให้สำเร็จคือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยมีมาตลอดตั้งแต่พรรคไทยรักไทย บางอย่างอาจยังไม่สำเร็จทันที แต่เราไม่เคยทิ้ง 

 

 

‘เศรษฐา’ บอก อายุเยอะสะสมประสบการณ์

 

ด้านเศรษฐากล่าวว่า คนเราต้องมีกินมีใช้ ซึ่งตนไม่ปฏิเสธเลยว่ามีพอ และครอบครัวสบายกายแต่ไม่สบายใจ เพราะเราอยู่จุดสูงสุดของพีระมิด เราอยู่ในบ้านใหญ่ๆ แต่ถูกล้อมรอบด้วยคนที่ไม่มีความสุข จึงเป็นจุดผลักดันสำคัญที่อยากเข้ามา และนำความเปลี่ยนแปลงมาทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นในทุกมิติ 

 

ขณะนี้ตนอายุขนาดนี้เหมาะสมแล้ว เพราะสะสมประสบการณ์มาพอสมควร ได้เห็นอะไรมามาก และไม่ตัดสินใจโดยพลการ ให้ทุกเหตุการณ์มันสุกก่อนแล้วค่อยทำใหม่ ขณะเดียวกันผู้นำต้องดึงศักยภาพของทุกภาคส่วนออกมาให้ได้ แต่เมื่อมาอยู่ภาคการเมืองจะทำอะไรก็ต้องคำนึงถึงภาพรวมมากขึ้น จะพูดอะไรตรงไปตรงมามากนักไม่ได้ และแน่นอนว่าคนที่ขับเคลื่อนคือข้าราชการ ซึ่งเป็นคนที่มีศักยภาพ แต่ 8-9 ปีที่ผ่านมาอาจไม่ได้เร่งการทำงานมากนัก

 

‘วิสุทธิ์’ ลั่น รัฐบาลเข้มแข็งได้ต้องมีสภาที่แข็งแกร่ง

 

จากนั้นแกนนำพรรคได้ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ โดย วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า สภาที่เข้มแข็งคือรัฐบาลที่เข้มแข็ง โดยมีผลประโยชน์สูงสุดคือประชาชน ย้อนไปในรัฐบาลไทยรักไทย ในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและอีกมากมาย ทำให้พรรคไทยรักไทยไปนั่งในหัวใจประชาชน เพราะมีฝ่ายนิติบัญญัติที่เข้มแข็ง มี สส. เกินครึ่ง ทำให้ไปกู้ระบบราชการได้หลายกระทรวง แก้กฎหมายที่เป็นปัญหา ทำให้การเลือกตั้งครั้งต่อมาสร้างประวัติศาสตร์ได้ สส. 370 เสียง 

 

ตอนนี้แม้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แต่ไม่ได้มี สส. พรรคเดียว การทำงานกับหลายพรรคการเมืองลำบากมากขึ้น พรรคร่วมต้องสร้างเอกภาพร่วมกัน และประสานงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่หลายครั้งรับปากแต่ไม่ทำตาม อันนี้เราปวดหัวมาก 

 

วิสุทธิ์กล่าวอีกว่า วันนี้คนรอนโยบายสำคัญของเพื่อไทย การสื่อสารออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มเป็นเรื่องจำเป็น เมื่อผลงานของรัฐบาลออกมา ความชัดเจนจะอยู่ในหัวใจประชาชน และเชื่อว่าวันนั้นพรรคเพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง รัฐบาลจะเข้มแข็งแค่ไหนก็ต้องร่วมมือกับสภา เพื่อออกกฎหมายให้รัฐบาลผลักดันนโยบายต่อไป 

 

 

หวังแลนด์บริดจ์ทำไทยเป็นมหาอำนาจเล็กๆ 

 

จากนั้นเศรษฐากล่าวปาฐกถาพิเศษว่า วันนี้ตนขอพูดในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มาให้ความกระจ่างเรื่องนโยบาย ที่ผ่านมาเราทำการต่างประเทศเชิงรุกและการส่งเสริมการลงทุน ก็ต้องบินไปต่างประเทศบ้าง แต่ตนไม่ได้ชอบบินไป จะเป็นแมลงวันหรืออะไรก็ตามที ฟังแล้วตลก ซึ่งถือเป็นสีสันในชีวิต สอบถามคนที่ไปกับตนได้ ไม่ได้สบายเลย 

 

ส่วนโครงการแลนด์บริดจ์ หลายคนอาจมองว่าเราเป็นคู่แข่งสิงคโปร์ แต่เมื่อโครงการนี้เสร็จไม่ว่าจะ 10 หรือ 15 ปีข้างหน้า จะไม่มีใครมาคอนโทรลการขนถ่ายสินค้าจากอันดามันไปอ่าวไทยได้นอกจากประเทศไทย ทุกประเทศจะต้องการการขนถ่ายสินค้าจากแลนด์บริดจ์ ทำให้เราเป็นมหาอำนาจเล็กๆ ทางเศรษฐกิจที่ทุกคนต้องพึ่งพา 

 

ลั่นนำชัยชนะกลับสู่เพื่อไทย 

 

เศรษฐากล่าวว่า ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทยและในฐานะน้องใหม่ที่เข้ามาที่นี่ 13 เดือน เป็นเวลาอันสั้นที่ต้องเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ตนอายุ 60 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย และ 2 วันที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยคิดว่าจะไปยืนบนเวทีแล้วถูกต่อว่า ซึ่งหลายเรื่องไม่จริง แต่ต้องกัดฟันและรับรู้ ไม่คิดว่าจะมาตรงนี้ แต่เมื่อมาแล้วก็ต้องทำต่อไป 

 

เศรษฐากล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาเราแพ้เลือกตั้ง ฟังแล้วบีบหัวใจแต่มันคือความจริง 141 เสียง จาก 500 เสียง ตนในฐานะสมาชิกพรรค เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็มีความเจ็บปวด ต้องยอมรับ ไม่ว่าจะความอ่อนหัดด้านการเมือง เข้าถึงประชาชนไม่เต็มที่ ไม่ได้ไปดีเบต ไม่เถียงอะไรทั้งสิ้น พร้อมน้อมรับทุกข้อกล่าวหา 

 

“ขอเรียนว่าผมเป็นคนไม่แพ้ตลอดกาล ทักษิณบอกว่าผมเป็นนายกฯ ช่วงการเปลี่ยนผ่าน ผมไม่ใช่คนอายุน้อย แต่ที่ก้าวเข้ามาตรงนี้ เรื่องเดียวที่ปรารถนาในชีวิต ต้องนำการเปลี่ยนผ่านที่เป็นบวก และนำชัยชนะกลับมาให้พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งต่อไป” เศรษฐากล่าว 

 

เศรษฐากล่าวว่า ตนบอกเพื่อนและครอบครัว อย่างเดียวในชีวิตที่ต้องการคือ ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่มีอะไรจะทำให้ตนทำไม่ได้ ยืนยันว่าจะทุ่มเทกายและใจใน 3 ปีครึ่งข้างหน้า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา (พรรคเพื่อไทย) อดีตที่ผ่านมามีทั้งความขมขื่น ไม่ว่าจะถูกยุบพรรค 2 หน หรือวาทกรรมที่ถูกต่อว่า 

 

อยากบอกว่า ขอให้มองอนาคตที่สดใสดีกว่า ที่เรามาร่วมในวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ เรามี 141 เสียง จาก 500 เสียง วันนี้เรามีรองประธานสภา มีนายกรัฐมนตรี มีรองนายกรัฐมนตรี 3 คน ดูแลความมั่นคง มีกระทรวงคมนาคม เราควรโฟกัสเรื่องเหล่านี้หรือไม่ แทนที่จะไปโฟกัสว่าคนอื่นได้อะไร 

 

 

เชื่อองค์ประกอบพร้อมเดินไปข้างหน้า 

 

เศรษฐากล่าวว่า ฝรั่งมีสำนวนว่า สนามหญ้าอีกข้างของรั้วจะเขียวกว่าสนามหญ้าตัวเอง แม้สนามหญ้าบ้านเราจะไม่เขียวเท่าคนอื่น แต่เราจะเห็นว่าสนามหญ้าบ้านเราตรงไหนมีหลุม มีมูลสุนัข จะได้ไม่เหยียบ และวันนี้เรามีปุ๋ย มีน้ำ มีรถตัดหญ้าที่ดีกว่า ขอทุกคนมาช่วยกันเพื่อให้สนามหญ้าบ้านเราเขียวขจีได้หรือไม่ นี่คือบ้านเรา เราต่อสู้กับอดีตที่ขมขื่น แต่มีอนาคตที่มีแสงสว่าง ยืนยันว่า 141 เสียงในวันนี้เราจะเยอะขึ้นอีก 

 

เราทุกคนอยากให้พรรคเจริญก้าวหน้า มีหัวหน้าพรรคที่มุ่งมั่น มีคนรุ่นใหม่ มีผู้อาวุโสที่คอยประคอง มีอดีตนายกรัฐมนตรีที่ป๊อปปูลาร์มากที่สุดในวงการการเมืองไทยกลับมาแล้ว และมีนายกรัฐมนตรีที่มีจุดประสงค์เดียวในชีวิตคือ ชนะเลือกตั้งครั้งต่อไป องค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้ เพียงพอแล้วหรือไม่ที่จะให้พรรคเราเดินไปข้างหน้าได้ ขอให้มั่นใจ นายกรัฐมนตรีคนนี้ ตลอดเวลา 3 ปีครึ่ง ไม่ว่าต่างจังหวัดหรือที่ไหน เราจะทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อประชาชนคนไทยทุกคน

 

สร้างความเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่เป็นรัฐบาล

 

จากนั้นแพทองธารขึ้นกล่าวว่า ต้องขอบคุณทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้นำพรรคในอดีต ผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบัน พี่น้อง สส. และผู้ที่ยังเชื่อมั่นในพรรค ทุกกำลังใจ ทุกการทำงาน ทุกความทุ่มเทของทุกคน ทำให้พรรคยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ 

 

เรากำลังเปลี่ยนแปลงจากข้างในด้วยการเติมคนใหม่เข้ามาทำงาน เติมองค์ความรู้ใหม่ให้เราพร้อมทำงานมากขึ้น คิดว่าอีกไม่นานประชาชนจะได้เห็นว่าเพื่อไทยกำลังทำอะไร และกำลังจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน เราตั้งใจเปลี่ยนแปลงพรรคครั้งใหญ่ตั้งแต่รากฐาน เพื่อให้พรรคเพื่อไทยอยู่คู่กับประเทศไทยไปตลอด 

 

“ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะเปลี่ยนไปอีกกี่คน บริบทในอนาคตจะเป็นอย่างไร พรรคเพื่อไทยจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับประเทศไทยได้เสมอ เหมือนจุดเริ่มต้นตั้งแต่พรรคไทยรักไทย บางคนบอกว่าพรรคเราจะเป็นพรรคอนุรักษนิยมใหม่ที่เน้นคงสิ่งเดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ขอยืนยันว่าไม่มีวันเป็นแบบนั้น เพราะดีเอ็นเอของเราคือการเปลี่ยนแปลง ทุกครั้งที่เราเป็นรัฐบาล เราจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทย” แพทองธารกล่าว

 

แพทองธารกล่าวต่อว่า ในสมัยพรรคไทยรักไทย เราสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลฟรี และเรากระจายอำนาจสู่ 70,000 หมู่บ้าน ผ่านกองทุนหมู่บ้านให้พี่น้องประชาชนมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน และสามารถบริหารเงินทุนด้วยสมาชิกในหมู่บ้าน ทำให้หลายคนได้โอกาสมีชีวิตที่ดีขึ้น และยังมีอีกหลายนโยบายที่สร้างความเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ตและนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อยกระดับรายได้ให้พี่น้องประชาชน

 

แพทองธารยืนยันด้วยว่า เราคือพรรคปฏิรูปที่ทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าด้วยนโยบาย โดยมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หลังจากวันที่งบประมาณผ่านแล้ว เชื่อมั่นว่ารัฐบาลภายใต้การนำของเศรษฐาจะวิ่งเร็วขึ้นอีก หลายนโยบายที่เคยติดขัดเพราะงบประมาณจากนี้จะผ่านฉลุย หลายนโยบายจะสำเร็จได้เห็นผลเร็วๆ นี้แน่นอน และพบกับการสรุปผลงานของรัฐบาลเพื่อไทยในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ ไม่จำเป็นต้องรออีก 10 เดือน

 

 

แพทองธาร-เศรษฐา ผลัดกันชมเปาะ 

 

แพทองธารยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทักษิณระบุในวีดิทัศน์ ชื่นชมและมั่นใจว่าจะสามารถนำพรรคเพื่อไทยให้พลิกเกมกลับมาชนะเป็นพรรคอันดับ 1 ได้ว่า ตนคิดว่าเป็นกำลังใจที่ดีที่คนที่รักและเคารพที่สุดเชื่อมั่นในตัวเรา ก็จะพยายามทำให้เต็มที่อย่างสุดความสามารถในทุกตำแหน่งที่ได้รับ 

 

ด้านเศรษฐากล่าวเสริมว่า หากมาจากคนอื่นจะได้ความเห็นที่ดีกว่า และคิดว่าหากดูแววตาของสมาชิกพรรคที่ให้ความมั่นใจกับหัวหน้าพรรค ความทุ่มเทที่มีอยู่ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ที่ขณะนั้นแพทองธารยังตั้งครรภ์จนคลอด เราได้ผ่านวิกฤตต่างๆ มา เชื่อว่าเป็นนิมิตหมายอันดี 

 

“ทักษิณเข้าใจคุณสมบัติของลูกสาวตัวเองว่าเป็นอย่างไร รวมถึงมีการซัพพอร์ตที่ดีจากผู้อาวุโสในพรรคที่ให้ความโอบอ้อมอารี ความเมตตา ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่กับแพทองธาร แต่รวมถึงสมาชิกทุกคนและผมด้วย ซึ่งทุกคนพร้อมจะเติบโตไปกับหัวหน้าพรรค แม้เราจะมีเวลา แต่เราก็เร่งการทำงาน” เศรษฐากล่าว

 

เมื่อถามถึงกรณีที่ทักษิณชมนายกรัฐมนตรีด้วยนั้น เศรษฐาตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ขอบคุณครับ” ก่อนที่แพทองธารจะขอไมค์ไปตอบแทนว่า ตนขอตอบให้ จริงๆ แล้วเคยคุยกันตั้งแต่สมัยที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีร่วมกันว่า ตนเชื่อในตัวของเศรษฐามาก แม้เศรษฐาอาจใหม่ในแง่การเมือง แต่ตอนนี้สามารถพูดได้ว่าสบายมาก เพราะความตั้งใจและอุดมการณ์ของเศรษฐาชัดเจน ซึ่งจะสามารถพัฒนาประเทศ เศรษฐกิจ หรือเรื่องต่างๆ ได้ ฉะนั้นคำชมของทักษิณถือว่าไม่เกินจริง

 

ส่วนหลังจากนี้อีก 3 ปีครึ่ง จะมีอาวุธอะไรที่จะนำพาพรรคเพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง เศรษฐากล่าวว่า มีเวลากี่ชั่วโมงในการตอบเรื่องนี้ เป็นคำถามที่กว้างเหลือเกิน แต่สารตั้งต้นคือ รัฐบาลนี้เรามาจากประชาชน เราทำงานเพื่อประชาชน และคิดว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่ามีอะไรบ้าง

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X