ปดิพัทธ์ปัด เป็นรุ่นพี่ 2 รองประธานสภาคนใหม่ ให้เวลาทำงาน เชื่อว่าภราดรมีประสบการณ์ คงไม่ถูกปรามาสเป็น ‘พระบวชใหม่’ เหมือนตน เผยเตรียมเข้าพบพิเชษฐ์ หารือ Smart Parliament
วันนี้ (11 กันยายน) ปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แสดงความเห็นภายหลังที่ประชุมสภามีมติเห็นชอบให้ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาคนที่ 1 และ ภราดร ปริศนานันทกุล เป็นรองประธานสภาคนที่ 2 โดยไม่มีคู่แข่ง ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่มีอะไรจะฝากไปถึงรองประธานสภาคนที่ 1
ปดิพัทธ์กล่าวว่า ส่วนตัวคงไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นรุ่นพี่ เพราะว่าทั้งพิเชษฐ์และภราดรมีประสบการณ์การเป็น สส. ซึ่งผ่านสภามาหลายยุคกว่าตนเอง และประสบการณ์ของตนก็มีแค่ปีเดียว
“การที่คุณพิเชษฐ์ได้ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง เพราะคุณพิเชษฐ์มาในฐานะพรรคอันดับ 1 ของรัฐบาล มีประสบการณ์ และเห็นด้วยกับผมในการปฏิรูปโครงสร้างข้าราชการรัฐสภา ก็คงจะเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนคุณภราดรก็มาในฐานะพรรคอันดับ 2 ของรัฐบาล มีความเหมาะสม เป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกับผม น่าจะมีแนวคิดใหม่ๆ ในการพัฒนาสภาพอสมควร” ปดิพัทธ์กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่พิเชษฐ์ระบุช่วงหนึ่งของการแสดงวิสัยทัศน์ เรื่อง Smart Parliament และการผลักดันให้เป็นสภาดิจิทัล รวมถึงเรื่องการสร้างอาคารต่างๆ และท่าเรือทั้ง 2 ฝั่งนั้น ปดิพัทธ์กล่าวว่า ตนเองคงจะถือโอกาสเข้าไปแสดงความยินดีและหารือกับพิเชษฐ์ เพราะในแง่หนึ่ง Smart Parliament จำเป็นที่จะต้องปรับให้เท่าเทียมกับสากล
ปดิพัทธ์กล่าวต่อไปว่า ในส่วนฝ่ายอาคารสถานที่ ซึ่งพิเชษฐ์เคยรับผิดชอบอยู่เดิมก็อาจมีปัญหามากพอสมควร เนื่องจากว่ามีสถานที่ที่ไม่ได้ใช้เยอะ แต่สถานที่ที่ใช้กลับแออัดมาก จึงต้องบริหารจัดการให้ดีกว่านี้ หากพิเชษฐ์ไม่ได้คิดถึงการต่อเติมอาคาร ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ในช่วงนี้ เพราะว่าได้ส่งมอบอาคารแล้ว
สำหรับกรณีที่ภราดรระบุถึงเรื่องความอาวุโสในการทำหน้าที่ โดยยกตัวอย่างปดิพัทธ์ที่เป็น สส. สมัยเดียว แต่ภราดรเป็น สส. มาแล้ว 4 สมัยนั้น ปดิพัทธ์ระบุว่า ภราดรเองก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ มีประสบการณ์มากกว่า และเป็นตัวหลักด้านข้อบังคับการประชุมสภาในฝั่งของพรรคภูมิใจไทยมาตลอด
“ผมก็เห็นตรงกันว่าคุณภราดรคงจะไม่โดนแบบผม ที่ถูกมองว่าเป็นพระบวชใหม่ เพราะว่าคุณภราดรมีประสบการณ์มากแล้ว ก็น่าจะทำหน้าที่ได้ดี” ปดิพัทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า รองประธานสภาทั้ง 2 คนจะสามารถทำงานร่วมกับ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้อย่างดีใช่หรือไม่ ปดิพัทธ์ตอบว่า “ขนาดผมอยู่ฝ่ายค้านยังสามารถร่วมงานกันได้ เพราะฉะนั้นตอนนี้เป็นฝ่ายรัฐบาลด้วยกันก็คิดว่าไม่มีปัญหา”
เมื่อถามต่อไปว่า ในฐานะที่เคยเป็นฝ่ายค้าน การได้ส่วนผสมใหม่ของประธานทั้ง 3 คนจะทำให้การเดินหน้าผลักดันขับเคลื่อนวาระต่างๆ ของฝ่ายค้านในสภายากขึ้นหรือไม่ ปดิพัทธ์ตอบว่า ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตอบ เพราะต้องให้ทั้ง 2 คนได้รับผิดชอบก่อน
โดยเฉพาะเมื่อพิเชษฐ์เข้ามาทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาคนที่ 1 ก็จะต้องดูงานด้านนิติบัญญัติด้วย หากการมอบหมายงานเหมือนเดิม ทั้งการบรรจุกฎหมายต่างๆ การรับรองร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ซึ่งต้องเข้าสู่กระบวนการที่มีทั้งข้อบังคับ มีมาตรฐานที่ตนวางไว้ และต้องประกอบไปด้วยวิจารณญาณคำวินิจฉัยของพิเชษฐ์ ส่วนภราดร ก็เร็วเกินไปที่จะตอบ ต้องให้ทำงานก่อน