ภาพความทรงจำมากมายกลับมาปรากฏอีกครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นวันครบรอบไฟต์ส่ง ริคกี้ ฮัตตัน ยอดมวยไฟเตอร์ชาวอังกฤษลงไปนับดาวเมื่อ 13 ปีก่อน หรือ ‘ไฟต์แห่งศตวรรษ’ เมื่อได้ขึ้นวัดฝีมือกับ ‘Money’ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว
ยามที่ต้องขึ้นสังเวียนในนามของ แมนนี ‘แพ็กแมน’ ปาเกียว ไม่ว่าคู่ชกจะเป็นใคร เขาคือที่หนึ่งในดวงใจของชาวฟิลิปปินส์เสมอ แม้กระทั่งในไฟต์ล่าสุดที่ขอหวนกลับคืนสังเวียน แต่สุดท้ายพ่ายต่อความสดกว่าของ ยอร์เดนิส อูกัส เมื่อปีกลาย แฟนๆ ชาวฟิลิปปินส์ก็ยังมอบดอกไม้ให้แก่ฮีโร่ตลอดกาลของพวกเขาเสมอ
เพราะนี่คือชายตัวเล็กๆ ที่ลุกขึ้นยืนหยัดไปต่อสู้ในฐานะตัวแทนของประเทศชาติ และเป็นตัวแทนความฝันของคนยากจนชาวฟิลิปปินส์ที่พิสูจน์ให้โลกได้เห็นว่า หากหัวใจไม่ยอมแพ้ ต่อให้การพิชิตโลกก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปนัก
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- บองบอง มาร์กอส-ซารา ดูเตร์เต กวาดคะแนนเสียงถล่มทลายในผลการเลือกตั้ง ปธน.-รอง ปธน.ฟิลิปปินส์ อย่างไม่เป็นทางการ
- ‘การกลับมาของตระกูลมาร์กอส’ ทำความรู้จัก ‘บองบอง มาร์กอส’ ลูกชายเผด็จการผู้คว้าชัยเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
ด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนานบนเวที รวมกับการตัดสินใจอุทิศชีวิตอีกด้านให้กับการทำงานทางการเมืองกับบทบาทวุฒิสมาชิก เพื่อหวังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศ สิ่งเหล่านี้ทำให้ในบางช่วงเวลามีการพูดกันว่า หากปาเกียวลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี บางทีเขาอาจจะขึ้นเป็นผู้นำประเทศก็เป็นได้
โดยที่ Pulse Asia วิเคราะห์ว่า ปาเกียว ซึ่งเป็นตัวแทนผู้สมัครจากพรรค PROMDI มีโอกาสจะเป็น ‘ม้ามืด’ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยคะแนนเสียงกว่า 16-20 ล้านเสียงเลยทีเดียว ซึ่งเป็นจำนวนเสียงที่มากพอจะส่งนักชกขวัญใจชาวตากาล็อกไปสู่การเป็นประธานาธิบดีได้ เพราะ โรดริโก ดูเตร์เต ก็เคยได้รับคะแนนเสียงประมาณเดียวกันในการเลือกตั้งเมื่อปี 2016
เพียงแต่เมื่อต้องขึ้นสังเวียนใหม่ใน ‘ไฟต์แห่งชีวิต’ จริงๆ ปาเกียวพบกับความปราชัยอย่างย่อยยับ
ในการลงคะแนนโหวตเลือกตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ ผลปรากฏว่านักมวยสไตล์เซาท์พาวที่เก่งที่สุดของโลกได้คะแนนเข้าป้ายเป็นอันดับที่ 3 พ่ายแพ้ต่อ เฟอร์ดินานด์ ‘บองบอง’ มาร์กอส จูเนียร์ บุตรชายของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ผู้นำเผด็จการแห่งฟิลิปปินส์อย่างย่อยยับ โดยเขาได้คะแนนเพียง 3 ล้านกว่าเสียงเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ลึกๆ แล้วปาเกียวและทีมงานของเขาที่นำโดย ซาลวาดอร์ ‘บัดดี’ ซาโมรา ต่างรู้ดีอยู่แล้วว่าโอกาสที่พวกเขาจะเป็นม้ามืดในแบบที่ Pulse Asia ระบุนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เพราะโพลส่วนใหญ่ผลที่ออกมานั้นค่อนข้างชัดเจนว่าประชาชนฟิลิปปินส์เทหัวใจให้บองบอง มาร์กอสมากกว่า
ภาพ: เฟอร์ดินานด์ ‘บองบอง’ มาร์กอส จูเนียร์ (ซ้าย) ชนะใจชาวฟิลิปปินส์แบบแลนด์สไลด์
“เราไม่ได้คาดหวังว่าจะชนะ แต่อย่างน้อยก็คาดหวังว่าจะทำให้ผู้นำนั้นกระสับกระส่ายได้บ้าง” ซาโมรากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ ABS-CBN ในช่วงก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา
สิ่งที่ปาเกียวและทีมงานของเขาได้รู้คือ บางครั้งการเป็นฮีโร่ในเกมกีฬาอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอต่อการที่ผู้คนจะเชื่อว่าจะเป็นผู้นำประเทศที่ดีได้
ผู้นำประเทศไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่หมัดหนักที่สุดก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีบุคลิกที่โดดเด่น และเป็นคนมีหลักการที่แน่วแน่ รวมถึงในวงเล็บว่าต้องมีฐานอำนาจและบารมีทางการเมืองที่ต้องสั่งสมกันไม่ต่างอะไรจากการฝึกซ้อมก่อนแข่งขัน
ปาเกียว ซึ่งนอกจากเรื่องผลงานในการเป็นนักชก 4 ทศวรรษและการพยายามอุทิศตนช่วยเหลือผู้ยากไร้ในบ้านเกิดแล้ว ยังไม่สามารถพิสูจน์สิ่งเหล่านี้ให้ชาวฟิลิปปินส์เชื่อได้ว่าเขาดีพอจะเป็นผู้นำในยามนี้
นโยบาย HEALTH (Housing, Education, Aid, Livelihood, Transportation, Utilities และ Health) ซึ่งเป็นหนึ่งใน 22 ข้อที่ปาเกียวให้คำมั่นว่าจะทำหากเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีนั้น ถือว่าเป็นนโยบายที่ดีแต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นจนชนะใจใครได้
มากกว่านั้นเขายังเคยมีปัญหากับการที่เคยเปรียบเปรยชายรักชายในทางลบ รวมถึงยังเคยต่อต้านการแต่งงานของเพศเดียวกันด้วย และนั่นทำให้คะแนนเสียงของเขาหายไปไม่น้อย
ขณะที่คะแนนเสียงจากชาวคริสเตียนที่ปาเกียวคาดหวังเอาไว้ก็ยังน้อยเกินกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ไม่นับเกมการเมืองที่ฝ่ายของเขากล่าวโจมตีคู่แข่งที่เล่น ‘ชกใต้เข็มขัด’ ด้วยเกมการเมืองที่เต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบาย
แต่อย่างน้อยอดีตกำปั้นเหล็กก็ได้เห็นแล้วว่ายังมีคนอีกกว่า 3 ล้านคนที่เชื่อมั่นในตัวเขา และยังมีความหวังกับประชาชนอีกมากในอนาคต โดยเฉพาะในกลุ่มชนชั้นล่างที่ปาเกียวยืนยันว่าเขาคือตัวแทนของคนเหล่านี้ และเขาพร้อมจะยืนหยัดเพื่อต่อสู้กับกลุ่มคนรวยที่กุมอำนาจและทุกสิ่งทุกอย่างของประเทศ
ในการขึ้นเวทีปราศรัยครั้งสุดท้ายในบ้านเกิดที่เมืองเจเนอรัล ซานโตส เมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม – สถานที่เดียวกับที่ชีวิตทางการเมืองของปาเกียวเริ่มต้นขึ้น – ยอดนักชกผู้คว้าชัยชนะ 62 จาก 72 ไฟต์ประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงที่เร้าใจ
ปัญหาความยากจนในสังคมคือสิ่งที่เขาต้องการจะ ‘น็อกเอาต์’ ให้ได้หากได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ และพูดพาดพิงถึงบองบอง มาร์กอส ว่าที่เป็นผู้นำตามโพลก็เพราะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากพวกคนรวยและเศรษฐี ในขณะที่ตัวเขาเองได้รับเสียงจากคนจนและเขาก็เชื่อว่าประเทศนี้มีคนจนมากกว่าคนรวย มีคนที่หิวโหยมากกว่าคนที่อิ่มท้อง
“Si Manny Pacquiao, titindog para ipaglaban ang mga pobreng tao. Eleksyon, laban ni sa pobre versus dato”
“แมนนี ปาเกียวจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อคนจน การเลือกตั้งครั้งนี้คือการต่อสู้กันระหว่างคนจนกับคนรวย”
ไม่นับการประกาศกร้าวจะจับเหล่าคนโกงชาติบ้านเมืองไปขังคุกขนาดใหญ่
น่าเสียดายที่ไฟต์นี้เขายังไม่ดีพอจะเป็นผู้ชนะ
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่กลับมาสู้อีกครั้งในไฟต์ต่อไป
อ้างอิง:
- https://www.khaleejtimes.com/sports/philippines-election-does-manny-pacquiao-have-support-to-deliver-a-knockout-blow-to-his-presidenti
- https://newsinfo.inquirer.net/1592980/pacquiao-unblinking-in-the-fight-of-his-life
- https://newsinfo.inquirer.net/1592123/pacquiao-is-the-dark-horse-with-16m-to-20m-votes-expected-come-may-9-says-campaign-manager
- https://www.ringtv.com/638722-on-this-day-manny-pacquiao-crushes-ricky-hatton-wins-ring-140-pound-title/
- https://www.rappler.com/nation/elections/pacquiao-says-polls-fight-poor-vs-rich-miting-de-avance-2022/