×

แมนนี ปาเกียว กับ ‘ไฟต์แห่งชีวิต’ ที่จบลงด้วยความพ่ายแพ้แบบเอกฉันท์ในศึกเลือกตั้งฟิลิปปินส์

10.05.2022
  • LOADING...
แมนนี ปาเกียว

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • ด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนานบนเวที รวมกับการตัดสินใจอุทิศชีวิตอีกด้านให้กับการทำงานทางการเมืองกับบทบาทวุฒิสมาชิกเพื่อหวังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศ สิ่งเหล่านี้ทำให้ในบางช่วงเวลามีการพูดกันว่า หาก แมนนี ปาเกียว ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี บางทีเขาอาจจะขึ้นเป็นผู้นำประเทศก็เป็นได้
  • ในการลงคะแนนโหวตเลือกตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ ผลปรากฏว่านักมวยสไตล์เซาท์พาวที่เก่งที่สุดของโลกได้คะแนนเข้าป้ายเป็นอันดับที่ 3 เท่านั้น
  • ผู้นำประเทศไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่หมัดหนักที่สุดก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีบุคลิกที่โดดเด่น และเป็นคนมีหลักการที่แน่วแน่ รวมถึงในวงเล็บว่าต้องมีฐานอำนาจและบารมีทางการเมืองที่ต้องสั่งสมกันไม่ต่างอะไรจากการฝึกซ้อมก่อนแข่งขัน

ภาพความทรงจำมากมายกลับมาปรากฏอีกครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นวันครบรอบไฟต์ส่ง ริคกี้ ฮัตตัน ยอดมวยไฟเตอร์ชาวอังกฤษลงไปนับดาวเมื่อ 13 ปีก่อน หรือ ‘ไฟต์แห่งศตวรรษ’ เมื่อได้ขึ้นวัดฝีมือกับ ‘Money’ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว

 

ยามที่ต้องขึ้นสังเวียนในนามของ แมนนี ‘แพ็กแมน’ ปาเกียว ไม่ว่าคู่ชกจะเป็นใคร เขาคือที่หนึ่งในดวงใจของชาวฟิลิปปินส์เสมอ แม้กระทั่งในไฟต์ล่าสุดที่ขอหวนกลับคืนสังเวียน แต่สุดท้ายพ่ายต่อความสดกว่าของ ยอร์เดนิส อูกัส เมื่อปีกลาย แฟนๆ ชาวฟิลิปปินส์ก็ยังมอบดอกไม้ให้แก่ฮีโร่ตลอดกาลของพวกเขาเสมอ

 

เพราะนี่คือชายตัวเล็กๆ ที่ลุกขึ้นยืนหยัดไปต่อสู้ในฐานะตัวแทนของประเทศชาติ และเป็นตัวแทนความฝันของคนยากจนชาวฟิลิปปินส์ที่พิสูจน์ให้โลกได้เห็นว่า หากหัวใจไม่ยอมแพ้ ต่อให้การพิชิตโลกก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปนัก

 


บทความที่เกี่ยวข้อง: 


 

ด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนานบนเวที รวมกับการตัดสินใจอุทิศชีวิตอีกด้านให้กับการทำงานทางการเมืองกับบทบาทวุฒิสมาชิก เพื่อหวังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศ สิ่งเหล่านี้ทำให้ในบางช่วงเวลามีการพูดกันว่า หากปาเกียวลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี บางทีเขาอาจจะขึ้นเป็นผู้นำประเทศก็เป็นได้

 

โดยที่ Pulse Asia วิเคราะห์ว่า ปาเกียว ซึ่งเป็นตัวแทนผู้สมัครจากพรรค PROMDI มีโอกาสจะเป็น ‘ม้ามืด’ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยคะแนนเสียงกว่า 16-20 ล้านเสียงเลยทีเดียว ซึ่งเป็นจำนวนเสียงที่มากพอจะส่งนักชกขวัญใจชาวตากาล็อกไปสู่การเป็นประธานาธิบดีได้ เพราะ โรดริโก ดูเตร์เต ก็เคยได้รับคะแนนเสียงประมาณเดียวกันในการเลือกตั้งเมื่อปี 2016

 

เพียงแต่เมื่อต้องขึ้นสังเวียนใหม่ใน ‘ไฟต์แห่งชีวิต’ จริงๆ ปาเกียวพบกับความปราชัยอย่างย่อยยับ

 

ในการลงคะแนนโหวตเลือกตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ ผลปรากฏว่านักมวยสไตล์เซาท์พาวที่เก่งที่สุดของโลกได้คะแนนเข้าป้ายเป็นอันดับที่ 3 พ่ายแพ้ต่อ เฟอร์ดินานด์ ‘บองบอง’ มาร์กอส จูเนียร์ บุตรชายของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ผู้นำเผด็จการแห่งฟิลิปปินส์อย่างย่อยยับ โดยเขาได้คะแนนเพียง 3 ล้านกว่าเสียงเท่านั้น

 

อย่างไรก็ดี ลึกๆ แล้วปาเกียวและทีมงานของเขาที่นำโดย ซาลวาดอร์ ‘บัดดี’ ซาโมรา ต่างรู้ดีอยู่แล้วว่าโอกาสที่พวกเขาจะเป็นม้ามืดในแบบที่ Pulse Asia ระบุนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เพราะโพลส่วนใหญ่ผลที่ออกมานั้นค่อนข้างชัดเจนว่าประชาชนฟิลิปปินส์เทหัวใจให้บองบอง มาร์กอสมากกว่า

 

แมนนี ปาเกียว

ภาพ: เฟอร์ดินานด์ ‘บองบอง’ มาร์กอส จูเนียร์ (ซ้าย) ชนะใจชาวฟิลิปปินส์แบบแลนด์สไลด์

 

“เราไม่ได้คาดหวังว่าจะชนะ แต่อย่างน้อยก็คาดหวังว่าจะทำให้ผู้นำนั้นกระสับกระส่ายได้บ้าง” ซาโมรากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ ABS-CBN ในช่วงก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา

 

สิ่งที่ปาเกียวและทีมงานของเขาได้รู้คือ บางครั้งการเป็นฮีโร่ในเกมกีฬาอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอต่อการที่ผู้คนจะเชื่อว่าจะเป็นผู้นำประเทศที่ดีได้

 

ผู้นำประเทศไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่หมัดหนักที่สุดก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีบุคลิกที่โดดเด่น และเป็นคนมีหลักการที่แน่วแน่ รวมถึงในวงเล็บว่าต้องมีฐานอำนาจและบารมีทางการเมืองที่ต้องสั่งสมกันไม่ต่างอะไรจากการฝึกซ้อมก่อนแข่งขัน

 

ปาเกียว ซึ่งนอกจากเรื่องผลงานในการเป็นนักชก 4 ทศวรรษและการพยายามอุทิศตนช่วยเหลือผู้ยากไร้ในบ้านเกิดแล้ว ยังไม่สามารถพิสูจน์สิ่งเหล่านี้ให้ชาวฟิลิปปินส์เชื่อได้ว่าเขาดีพอจะเป็นผู้นำในยามนี้

 

นโยบาย HEALTH (Housing, Education, Aid, Livelihood, Transportation, Utilities และ Health) ซึ่งเป็นหนึ่งใน 22 ข้อที่ปาเกียวให้คำมั่นว่าจะทำหากเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีนั้น ถือว่าเป็นนโยบายที่ดีแต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นจนชนะใจใครได้

 

มากกว่านั้นเขายังเคยมีปัญหากับการที่เคยเปรียบเปรยชายรักชายในทางลบ รวมถึงยังเคยต่อต้านการแต่งงานของเพศเดียวกันด้วย และนั่นทำให้คะแนนเสียงของเขาหายไปไม่น้อย

 

ขณะที่คะแนนเสียงจากชาวคริสเตียนที่ปาเกียวคาดหวังเอาไว้ก็ยังน้อยเกินกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ไม่นับเกมการเมืองที่ฝ่ายของเขากล่าวโจมตีคู่แข่งที่เล่น ‘ชกใต้เข็มขัด’ ด้วยเกมการเมืองที่เต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบาย

 

แต่อย่างน้อยอดีตกำปั้นเหล็กก็ได้เห็นแล้วว่ายังมีคนอีกกว่า 3 ล้านคนที่เชื่อมั่นในตัวเขา และยังมีความหวังกับประชาชนอีกมากในอนาคต โดยเฉพาะในกลุ่มชนชั้นล่างที่ปาเกียวยืนยันว่าเขาคือตัวแทนของคนเหล่านี้ และเขาพร้อมจะยืนหยัดเพื่อต่อสู้กับกลุ่มคนรวยที่กุมอำนาจและทุกสิ่งทุกอย่างของประเทศ

 

ในการขึ้นเวทีปราศรัยครั้งสุดท้ายในบ้านเกิดที่เมืองเจเนอรัล ซานโตส เมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม – สถานที่เดียวกับที่ชีวิตทางการเมืองของปาเกียวเริ่มต้นขึ้น – ยอดนักชกผู้คว้าชัยชนะ 62 จาก 72 ไฟต์ประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงที่เร้าใจ

 

ปัญหาความยากจนในสังคมคือสิ่งที่เขาต้องการจะ ‘น็อกเอาต์’ ให้ได้หากได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ และพูดพาดพิงถึงบองบอง มาร์กอส ว่าที่เป็นผู้นำตามโพลก็เพราะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากพวกคนรวยและเศรษฐี ในขณะที่ตัวเขาเองได้รับเสียงจากคนจนและเขาก็เชื่อว่าประเทศนี้มีคนจนมากกว่าคนรวย มีคนที่หิวโหยมากกว่าคนที่อิ่มท้อง

 

แมนนี ปาเกียว

 

“Si Manny Pacquiao, titindog para ipaglaban ang mga pobreng tao. Eleksyon, laban ni sa pobre versus dato”

 

“แมนนี ปาเกียวจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อคนจน การเลือกตั้งครั้งนี้คือการต่อสู้กันระหว่างคนจนกับคนรวย”

 

ไม่นับการประกาศกร้าวจะจับเหล่าคนโกงชาติบ้านเมืองไปขังคุกขนาดใหญ่

 

น่าเสียดายที่ไฟต์นี้เขายังไม่ดีพอจะเป็นผู้ชนะ

 

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่กลับมาสู้อีกครั้งในไฟต์ต่อไป

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising